ฝรั่งจะว่าไง ! “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาทดสอบบริเวณ 1,610-1,620 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเรื่องปกติมากๆในทางเทคนิค หลังจากที่ SET ลงไปทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วันแถว 1,550 จุด แล้วดีดกลับแบบ V-Shape ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 11 ส.ค. 2560
อย่างไรก็ดีในทางเทคนิค “นายหมูบิน” ประเมินว่าโอกาสที่ SET จะไปต่อยาวเหนือ 1,620 จุดยังคงเหนื่อย เนื่องจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไปได้ในระยะสั้น ตามทิศทางของ Foreign Fund Flows ที่ยังคงมีสัญญาณไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับมุมมองในทางเทคนิคที่ล่าสุด Indicator สำคัญอย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ยังคงมีสัญญาณ Negative Divergance ต่ำกว่า Zero Line สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกในระยะ 1 เดือนข้างหน้า โดยที่ในเบื้องต้นตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติยังคงไม่กลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องในระยะ 1 สัปดาห์เกิน 1.0 หมื่นล้านบาท “นายหมูบิน” ประเมินว่าสัญญาณ “Buy Signal” จะยังคงไม่เกิดขึ้นกับดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ของตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดจะพบว่าหุ้นในกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง, ที่อยู่อาศัย, ขนส่ง และธนาคาร ขณะที่กลุ่มที่ถูกขายสุทธิออกมามากที่สุด ได้แก่สื่อสาร, อิเล็กทรอนิกส์, รับเหมาก่อสร้าง และโรงพยาบาล ในส่วนของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ PTT, KBANK, SCC, CPALL และ LH ขณะที่หุ้นที่ถูกขายสุทธิออกมามากที่สุด ได้แก่ BBL, TRUE, TOP, BANPU และ SCB
ขึ้นต่อเดือน ก.ย.-ต.ค.2560 น่าขายก่อน : “นายหมูบิน” มองว่าถ้า SET ฝืนขึ้นต่อไปจะเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะเป็นโอกาสในการขายปรับพอร์ตสำหรับนักลงทุนระยะกลาง และขายทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.2560 น่าจะเป็นโอกาสที่ดีมาก เนื่องจาก “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐในฐานะตัวแทน หรือ Proxy ของตลาดหุ้นโลกน่าจะได้ประโยชน์จากการลดขนาดงบดุล หรือ Balance Sheet ไม่มาก และเหตุผลในเชิง Seasonality ที่ระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) เดือน ต.ค. จะเป็นเดือนที่ดีมากๆของตลาดหุ้นโลก ก่อนที่จะกลับมาแย่ในอีก 3 เดือนต่อมา คือ พ.ย.-ธ.ค. ในปีเดียวกัน (2557-2559) ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค. ของปีต่อมา (2559-2560) โดยที่ตัวเลขสถิติระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World (ตลาดหุ้นโลก), S&P500 (สหรัฐ), Stoxx 60 (ยุโรป), MSCI Asia ex Japan (เอเชีย) และ SET (ไทย) ให้ผลตอบแทนในเดือน ต.ค. เฉลี่ย +4.1%, +5.0%, +3.3%, +4.7% และ -1.4% ตามลำดับ ในจำนวนดังกล่าวดัชนี MSCI World (ตลาดหุ้นโลก), S&P500 (สหรัฐ) และ MSCI Asia ex Japan (เอเชีย) ปรับตัวขึ้นทุกปีในเดือนดังกล่าว หรือมี Winner Percentage ที่ 100% ขณะที่ตัวเลขสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) ของตลาดหุ้นโลก พบว่าตลาดหุ้นเอเชีย และไทยจะเริ่มเสีย Momentum หรือปรับตัวลงตั้งแต่เดือน พ.ย. และ ธ.ค. แล้วเฉลี่ย -1.0% และ -1.4% ตามลำดับสำหรับ MSCI Asia ex Japan และเฉลี่ย -0.3% และ -3.0% ตามลำดับสำหรับ SET โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลก, สหรัฐ และยุโรปจะไปเริ่มเสีย Momentum หรือผลตอบแทนเป็นลบชัดเจนในเดือน ธ.ค. เฉลี่ย -0.5%, -0.1 และ -1.8% ตามลำดับ
ดังนั้นในเชิงของ Seasonality “นายหมูบิน” มองว่าการปรับตัวขึ้นต่อของ SET ในเดือน ก.ย.-ต.ค.2560 อาจมองเป็นโอกาสขายปรับพอร์ตที่สำคัญอีกครั้งได้ เพื่อไปรอซื้อกลับ หรือเพิ่มพอร์ตในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2560 ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค.2561
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,565 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club