top of page
379208.jpg

ยังอยากให้ระมัดระวังต่อไปก่อน


แค่ลงน้อยกว่า ! บางทีการมองโลกในแง่ดีเกินไป หรือเลือกมองแค่ด้านใดด้านหนึ่งถือว่าเป็นอันตรายมากๆของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆเลยคือถ้าเทียบผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในเดือน ส.ค.2560 (สิ้นสุด 18 ส.ค.2560) กับตลาดหุ้นสำคัญๆที่สะท้อนทิศทางของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาค เช่นตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500), ยุโรป (Stoxx50), ญี่ปุ่น (Nikkei) และอาเซียน (FTSE Asean 40) จะพบว่าเดือน ส.ค.2560 เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นไทย (SET) กลับมามีผลงานที่ดีกว่า หรือ Outperform ตลาดหุ้นในกลุ่มดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งถ้ามองแค่นี้ก็อาจจะบอกว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มดูดีขึ้นแล้วได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคือยังไม่ใช่ เพราะการที่ SET กลับมา Outperform ในเดือน ส.ค.2560 นี้นั้น ไม่ใช่เพราะตลาดหุ้นไทยกลับมาวิ่งขึ้นร้อนแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ แต่เป็นเพราะชาวบ้านเค้าปรับตัวลงมากกว่า SET เท่านั้นเอง

จะเห็นว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) ปรับตัวลดลง 1.8%, ยุโรป (Stoxx50) ปรับตัวลดลง 0.2%, ญี่ปุ่น (Nikkei) ปรับตัวลดลง 2.7% และอาเซียน (FTSE Asean 40) ปรับตัวลดลง 1.4% เทียบกับตลาดหุ้นไทย (SET) ปรับตัวลดลง 0.6% เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นอื่นเค้าปรับตัวขึ้นมามากกว่า และเริ่มทยอยลดความเริ่มแรงลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในปี 2560 นี้ยังคงไม่ได้เริ่มเดินไปไหน หรือเครื่องยังไม่เคยร้อนเลย จึงไม่เห็นจังหวะที่เรียกว่า “ลดความร้อนแรง” เหมือนชาวบ้านเค้า

นอกจากนี้ถ้าถามว่าทิศทางการพักตัวลงของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาค ซึ่งประเด็นนี้ “นายหมูบิน” ได้เรียนไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้วว่ากำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่ Indicator ระยะสั้นอย่าง RSI ของตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500), ยุโรป (Stoxx50), ญี่ปุ่น (Nikkei) และอาเซียน (FTSE Asean 40) ปรับตัวลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตัวเองแล้ว ซึ่งล่าสุดแนวโน้มดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ จะเป็นปัจจัยบวกหรือลบกับตลาดหุ้นไทย

คำตอบคือลบแน่นอน เพราะถ้าจะบอกว่าการที่ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าเป็นปัจจัยบวก “นายหมูบิน” มองว่าคนที่คิดแบบนี้ต้องมีอาการทางจิตเล็กๆแน่นอน

ถ้าสรุปว่าโอกาสที่จะเห็นการพักตัวลงของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทย นักลงทุนก็คงต้องใช้ความระมัดระวังต่อไป เพราะโอกาสที่ตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคจะพักฐานต่อยังคงมีสูง โดยแรงกดดันในเชิง Momentum ที่สำคัญ สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนี VIX Index (ล่าสุดอยู่ที่ 14.3) และ HSI VIX Index (ล่าสุดอยู่ที่ 17.0) ยังคงแกว่งตัวเหนือกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วันที่ 11.8 และ 15.2 แล้ว สะท้อนให้เห็นความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ และเอเชียชัดเจน

ดังนั้นแม้ว่าตราบใดที่ SET ยังคงไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,545 จุดอีกครั้ง นักลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) สามารถที่จะเลือกปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นเป็น 75% ตาม Tactical หรือคงไว้ที่ 50% เหมือนเดิมก็ได้ แต่สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ยังคงเน้น “ดีดขึ้นขายตามแนวต้าน” โดยมี 1,565 จุดเป็นจุดหมุน และ Cut Loss ที่ต้องมีวินัยอย่างสูงไปก่อนดีกว่า เพื่อความปลอดภัยครับ

กำไรไตรมาสที่ 2 แย่ ส่วนไตรมาสที่ 3 ก็ยังไม่ดี : ในเบื้องต้นตราบใดที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,575 จุดได้ เพื่อกลับไปสู่ภาวะ Golden Cross ครบทั้ง 5 ขึ้นอีกครั้ง บนสถานการณ์ที่ Indicators ระยะสั้นทุกตัวยังคงมีสัญญาณ “Bearish” การดีดตัวขึ้นของ SET ในระยะสั้นราย Weekly ยังคงคาดหวังอะไรไม่ได้ และการเก็งกำไรระยะสั้นในระยะเวลาดังกล่าวอาจเป็นอะไรที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย” ขณะที่ในด้านของปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาตินั้น แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีเงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งราว 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในภาพใหญ่น่าจะไม่สามารถสวนกระแสของ Fund Flow ภูมิภาคได้นานนัก เนื่องจากในสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนกลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ และเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น และจีน) เป็นครั้งแรกในรอบ 21 สัปดาห์แล้วราว 1.1 และ 0.7 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ สวนทางกับตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าอีกเป็นสัปดาห์ที่ 28 ติดต่อกัน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทิศทางของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีความน่ากังวลอยู่ โดยเมื่อพิจารณาจากปัจจัยในเชิงพื้นฐานที่ยังคงย่ำแย่ต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ที่ประกาศออกมา พบว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยในภาพรวมยังคงปรับตัวลดลง 22% QoQ และ 10% YoY ส่วนไตรมาสที่ 3 มีการคาดกันว่าสถานการณ์ก็น่าจะยังไม่ได้ดีขึ้น โดยกำไรของตลาดหุ้นไทยในภาพรวมน่าจะเพิ่มขึ้นราว 3% QoQ และ 8% YoY เท่านั้น และทั้งปี 2560 น่าจะจบแบบต่ำเตี้ยแถวๆ 9% YoY เท่านั้น สำหรับกำไรของตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ในเชิงของ Tactical พบว่าดัชนี Accumulated Foreign Fund Flows ยังคงมีสัญญาณที่เป็นลบ หรือ Pessimism อย่างต่อเนื่อง สะท้อนโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไปในระยะ 1 เดือนข้างหน้า ดังนั้นระมัดระวังกันต่อไปครับ

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,565 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น. เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

24 views
bottom of page