top of page
312345.jpg

ยกนิ้วกุนซือ JAS..บริหารเป๋าขั้นเทพ


สามารถสร้างสตอรี่ให้นักลงทุนได้มีลุ้นมีเล็งหุ้น JAS ได้ตลอดๆ จนต้องยกนิ้วให้กุนซือ ที่ปรึกษาที่มีโปรเจ็กต์เรียกความสนใจ ทำให้หุ้นขึ้นหุ้นลงได้อย่างต่อเนื่อง แบบภาษาวัยรุ่นบอกว่า “ทำเนียน”

หากใครที่เป็นนักลงทุนและตามติดกระแสหุ้นเจ้าดอกมะลิ JAS บริษัทจัสมิน อินเตอร์ เนชั่นแนล มาเป็นลำดับ จะเห็นถึงความเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลงอย่างสุดติ่ง พร้อมกับข่าวสารสตอรี่ที่เกิดขึ้นมารับส่งได้อย่างเป็นจังหวะจะโคน เดี๋ยวขายนั่น เดี๋ยวซื้อนี่ เดี๋ยวมีข่าวเพิ่มทุน เดี๋ยวข่าวลดทุนล่าสุด เดี๋ยวประมูลเอาใบอนุญาต เดี๋ยวเลิกแผนไม่เอาแล้วใบอนุญาต วันดีคืนดีก็มีประกาศตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นคืน การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ รวมทั้งเอากำไรสะสมมาจ่ายปันผลซะด้วย

แน่นอนว่า ทุกการเคลื่อนไหวขึ้น/ลง ของราคาหุ้น JAS ย่อมมีคนที่ได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคา เป๋าตุงกันไม่ใช่น้อย และคนรู้ข่าวก่อนย่อมได้เปรียบกว่า

ล่าสุด นักลงทุนผู้ถือหุ้น เพิ่งกระอักกับราคาหุ้น JAS ที่ตกหนักหน่วง จากข่าวผลการดำเนินงานของ JAS ที่มีการประกาศผลการดำเนินงานปี 2559 แล้วพบว่า กำไรของบริษัทหดจุ๊ดจู๋ เหลือ 3,000 ล้านบาท จากที่ ปี 2558 มีกำไร 15,000 ล้านบาท เหตุผลก็เพราะว่า ปี 2559 ไม่มีตัวเลขกำไรพิเศษมาอวด เหมือนปี 2558 ที่มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) ขณะที่ปี 2559 ยังต้องจ่ายค่าปรับจากการถอนตัวไม่เอาใบอนุญาต 4G เป็นเงินกว่า 840 ล้านบาท

ทั้งนี้จะเห็นว่าในบรรทัดสุดท้ายของงบการเงินปี 2559 ที่ประกาศออกมากำไรลดลงอย่างแรง แต่ในรอบปี 2559 ที่ผ่านมามีการอนุมัติประกาศจ่ายเงินผันผลให้ผู้ถือหุ้นรายเล็กรายใหญ่แบบถ้วนทั่ว โดยรอบแรกจ่ายไปแล้ว 0.30 บาทต่อหุ้น เพิ่งประกาศจ่ายเพิ่มอีก 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็น 0.55บาทต่อหุ้น

และล่าของล่าสุด หลังจากมีข่าวประกาศผลการดำเนินเงินจนทำหุ้นลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ก็คือ การประกาศ ซื้อมาขายไป “ทรัพย์สินใยแก้วนำแสง” มูลค่าสูงถึง 50,000-70,000 ล้านบาท ของลูกๆ JAS ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นต้องหูผึ่ง ซู้ดปาก … อารมณ์หุ้นตกๆก็พลิกเป็นบวกเขียว นั่นคือการระบุอธิบายว่า การขายใยแก้วนำแสงนั้น เงินที่ได้ส่วนหนึ่งจะเอามาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นด้วย และมีการประเมินกันไปว่า น่าจะได้เงินปันผลไม่น้อยกว่า 3 บาท

ทั้งนี้ JAS เป็นบริษัทโฮลดิ้ง มีธุรกิจหลัก 4 สาขา ดังนี้คือ 1. บริษัททริปเปิลที บรอดแบรนด์ (TTTBB) ทำรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 2. บริษัท JAS Tel บริการโครงข่ายโทรคมนาคม 3.บริษัทจัสมินเทเลคอมซิสเต็ม และบริษัทคลาวด์คอมพิวติ้ง โซลูชั่นส์ ธุรกิจวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม และ 4. ธุรกิจอื่นๆ เช่นกองทุน JASIF

ที่มีความเคลื่อนไหว ซื้อขายทรัพย์กันเองขนาดมโหฬาร ที่คณะกรรมการเพิ่งลงมติอนุมัติกันเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการให้ TTTBB ขายใยแก้วนำแสงให้กับ JASIF

คราวนี้ ในส่วนของ TTTBB ซึ่งเป็นผู้ขายจะได้เงินเข้ามา แล้วมันก็ต้องเข้ามาที่ JAS ทำให้ JAS ได้กำไรพิเศษมาลงบัญชี มีกำไรพิเศษจากปันผลพิเศษที่ TTTBB ส่งให้ ซึ่งมีการระบุว่า เงินที่ได้มานี้ JASจะใช้สำหรับใช้หนี้ที่กู้ยืมมาซื้อหุ้นในนามส่วนตัวก่อนหน้านี้ และ จ่ายปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมซึ่งคาดว่าจะได้ราว 3 บาทต่อหุ้น

แต่ในขณะเดียวกัน JAS ก็ต้องจ่ายเงินซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น จากการที่ JASIF จะต้องเพิ่มทุนเพื่อซื้อใยแก้วนำแสง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหน่วยอยู่ 33.33% ซึ่งก็คาดว่า ต้องใช่เงินซื้อหน่วยเพิ่มทุนราว 17,000-24,000 ล้านบาท

จ่ายกันไปจ่ายกันมาน่าเวียนหัวไม่ใช่น้อย จนงงๆว่า จะขายไปขายมากันทำไม

เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ TTTBB ขายไปแล้ว ก็ต้องกลับมาเป็นผู้ “ขอเช่า” เจ้าเสนใยแก้วนำแสง ที่ขายให้ JASIF โดยตกลงสัญญาเช่ากัน 15 ปีเป็นเงินราว 34,000-59,000 ล้านบาท

แต่ที่แน่ๆ คือผู้ถือหุ้น ทั้งรายเล็กรายใหญ่ จะได้เงินปันผลเข้ากระเป๋ากันเนียนๆ หุ้นใหญ่ก็ได้มาก หุ้นเล็กก็ได้น้อยไปตามสัดส่วน ไม่นับรวมส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ขึ้นๆลงๆไปตามกระแสข่าวอีกต่างหาก

งานนี้จะไม่ชื่นชมกุนซือ JAS ยี่ห้อ พิชญ์ ที่ว่ากันว่า ชื่อ “เสี่ยมา” ได้อย่างไร???

62 views
bottom of page