top of page
327304.jpg

KBANK ชูเทคโนโลยีบริการ..หวังแบงก์หลักลูกค้าทุกกลุ่ม


กสิกรไทย จัดทัพใหม่ดูแลลูกค้า 3 กลุ่ม ใช้เทคโนโลยีการเงินนำหน้า หวังให้บริการได้ดีขึ้น ลูกค้าประทับใจ

มากกว่าเดิม ปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อขนาดใหญ่กับเอสเอ็มอีโตเท่ากันที่ 4-6% ด้านกลุ่มลูกค้าบุคคลตั้งเป้าเพิ่มยอดเป็น 14.1 ล้านราย เติบโต 5-6% พร้อมเพิ่มลูกค้าโมบาย แบงกิ้งเป็น 7.1 ล้านราย ทั้งขอเป็นแบงก์หลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการในทุกกลุ่มลูกค้า

นายสุวัฒน์ เตชะวัฒนวรรณา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทซึ่งดูแลลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เติบโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดย ณ สิ้นปี 2559 มียอดสินเชื่อรวม 511,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% มีรายได้รวม 21,400 ล้านบาท เพิ่ม 7% จากปีก่อนหน้า สำหรับในปี 2560 ตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อเติบโต 4-6% และรายได้เติบโต 1-2% โดยอุตสาหกรรมที่น่าจะเติบโตได้ดี ได้แก่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ก่อสร้าง บริการสุขภาพ และยานยนต์

ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมองว่าลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ควรเตรียมความพร้อมที่สำคัญ คือ การระดมทุนผ่านตลาดทุนเพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ๆ การจัดสรรเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่จะเอื้อต่อการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยในปี 2560 สายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้ให้บริการหลัก (Main Bank) เพื่อตอบทุกโจทย์ธุรกิจขนาดใหญ่ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก คือ การเป็นธนาคารที่ให้บริการด้านแหล่งทุนที่ดีที่สุด ด้วยการระดมทุนที่หลากหลาย และเป็นผู้ให้บริการด้านธุรกรรมการเงินที่ดีที่สุด เพื่อเชื่อมโยงช่องทางการรับและจ่ายเงินของลูกค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการแข่งขันให้กับลูกค้าและในห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ของลูกค้า รองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งสกุลเงินกลุ่ม AEC+3 และสกุลเงินหลักทั่วโลก

ด้าน นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 2559 สายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการมียอดสินเชื่อรวม 657,000 ล้านบาท เติบโต 6% มีรายได้รวมอยู่ที่ 43,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 1% โดยธนาคารกสิกรไทยยังคงครองความเป็นอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีอยู่ที่ 28% สำหรับปี 2560 ตั้งเป้ายอดสินเชื่อขยายตัว 4-6% รายได้เติบโต 2-3% โดยธนาคารมองว่ากลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีแนวโน้มเติบโตดีในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจท่องเที่ยว บริการด้านสุขภาพ และธุรกิจออนไลน์

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาธนาคารยังคงมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าในทุกห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การบริโภค อุตสาหกรรมหนัก และโครงสร้างพื้นฐาน/พลังงาน ให้ได้รับเงินทุน ทั้งเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งการสนับสนุนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจและการบริหารเงินทั้งขารับและขาจ่ายในห่วงโซ่นั้นๆ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

สำหรับปี 2560 ธนาคารต้องการตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ทั้งในด้านตลาดสินเชื่อและเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ด้วยการมุ่งมั่นดูแลลูกค้าในทุกเรื่องธุรกิจ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอีแบบครบวงจรในทุกมิติ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองลูกค้าเฉพาะกลุ่ม รวมถึงกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ และยังคงมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าในรูปแบบห่วงโซ่ธุรกิจ พร้อมทั้งสนับสนุนลูกค้าในด้านองค์ความรู้ นำเสนอเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือการสร้างเครือข่ายคู่ค้าเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเอสเอ็มอีต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มได้

นอกจากนี้ พัฒนานวัตกรรมการเงินดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่น การรับจ่ายเงิน การค้าระหว่างประเทศ และบริการหนังสือค้ำประกันผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจออนไลน์ และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงานให้มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุน รวมถึงสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า

ส่วน นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยในปี 2559 ยังเป็นไปตามที่คาดการณ์และทำได้ในระดับเดียวกันกับภาพรวมของตลาด โดยมียอดสินเชื่อลูกค้ารายย่อย 374,000 ล้านบาท เติบโต 2% รายได้ค่าธรรมเนียม มีจำนวน 31,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 1%

สำหรับในปี 2560 จะยังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อทำให้ลูกค้า “ประทับใจยิ่งกว่าเดิม” จากเดิมที่ธนาคารมีสโลแกน “บริการทุกระดับประทับใจ” และเป็นธนาคารที่ลูกค้าใช้เป็นหลัก โดยมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทันสมัย รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพร้อมบริการในทุกเรื่องการเงินในทุกเวลาที่ลูกค้าต้องการในทุกที่ที่ลูกค้าไปใน 4 ด้าน คือ

1. ดิจิทัลแบงกิ้ง เน้นการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มโมบายแบงกิ้งให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมการเงินด้วยตัวเองทุกที่ทุกเวลาบน K-Mobile Banking PLUS โดยในปีนี้ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว คือการออกบัตรเดบิตได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปสาขา

2. ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ (New Payment) ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจรับชำระเงินด้วยการเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ร่วมมือกับ Alipay และ WeChat พันธมิตรระดับโลกให้ร้านค้าสามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการจากลูกค้าชาวจีนที่มาท่องเที่ยวไทย ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการ Alipay แล้วในธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โรบินสัน และแบรนด์ร้านค้าที่เข้าร่วมภายใต้กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลคลับ 21 กลุ่มจัสปาล ส่วน WeChat สามารถใช้บริการได้ที่คิง เพาเวอร์ โดยในปี 2560 จะเพิ่มการให้บริการในอีกหลายบริการ

3. เค-เซอร์วิส (K-Service) สร้างเครือข่ายการให้บริการรับชำระบิลผ่านเคาน์เตอร์พันธมิตรของธนาคารโดยในเดือน ก.พ.นี้ ลูกค้าจะสามารถจ่ายบิลได้ที่สาขาของเจมาร์ท (Jaymart) ทั่วประเทศและกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการกับพันธมิตรรายอื่นๆ เพิ่มขึ้น

4. การเป็นที่ปรึกษา (Advisory) ยกระดับคุณภาพการเป็นที่ปรึกษาเพิ่มช่องทางการให้คำปรึกษาของ K-Expert ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงยกระดับคุณภาพการบริการผ่านสาขาเทียบเท่ามาตรฐานโลก ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตฐานลูกค้าบุคคลในปี 2560 เป็น 14.1 ล้านรายหรือเติบโต 5-6% เพิ่มลูกค้า Mobile Banking Application เป็น 7.1 ล้านราย รักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ดิจิทัลแบงกิ้งอย่างต่อเนื่อง

1 view
bottom of page