top of page
327304.jpg

KTC กางแผนปี 60 หวังโตยั่งยืน..ชูแบรนด์ในใจคน-ลุยโลกดิจิทัล


เคทีซี เผยแผนธุรกิจปี 2560 เน้นดูแล-พัฒนาองค์กรต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอก สร้างแนวคิดใหม่ของแบรนด์ หนุนความกล้าให้คนเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ หวังสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบด้าน ส่งผลเป็นความผูกพัน นำไปสู่การเป็นแบรนด์บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ได้รับการยอมรับและเลือกใช้มากที่สุด พร้อมเตรียมแผนระยะยาวรับมือโลกดิจิทัล เข้าร่วมพร้อมเพย์ ช่วยลดต้นทุนด้านไอที คาดปีหน้าทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10%

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า ทิศทางการทำธุรกิจในปี 2560 เพื่อบรรลุแผนในการก้าวสู่แบรนด์ในใจที่สมาชิกชื่นชอบและเลือกใช้ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว บริษัทจะดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 องค์ประกอบทางความคิดใหม่ (Brand Core Value) ได้แก่ 1. ความกล้า กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Courageous) 2. ทำในสิ่งที่ฉลาดและเรียบง่าย (Smart & Simplicity) และ 3. สิ่งที่ทำต้องมีคุณค่า (Meaningful) ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กล้าตัดสินใจที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่และต้องการ เพื่อชีวิตที่มีความหมาย โดยเป็นการต่อยอดแนวคิดในการสร้างแบรนด์นี้จากภายในองค์กรซึ่งประสบความสำเร็จไปสู่ภายนอกองค์กรให้ครอบคลุมรอบด้าน

ด้าน นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ KTC กล่าวว่า บริษัทมุ่งเน้นการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ สถานะทางการเงินโดยภาพรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการเจริญเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ โดยในส่วนของความแข็งแกร่ง ปัจจุบันบริษัทมีเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงกว่า 400%

อย่างไรก็ตามในปี 2560 มีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อชะลอผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อต้นทุนเงินให้น้อยที่สุด โดยในปี 2560มีแผนจะออกหุ้นกู้ระยะที่ยาวขึ้นกว่าที่เคยออกไว้เดิม เช่น การออกหุ้นกู้ระยะ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี โดยมูลค่าของหุ้นกู้ที่คาดว่าจะออกในปี 2560 รวมประมาณ 16,000-17.000 ล้านบาท จากที่ยังมีหุ้นกู้คงเหลือในปี 2559 ราว 38,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรักษาระดับต้นทุนทางการเงินที่ประมาณ 3.35% โดยคาดหมายว่าจะนำเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเพิ่มวงเงินในการออกหุ้นกู้ระยะยาวอีก 30,000 ล้านบาทในการประชุมสามัญประจำปี เช่นเดียวกับที่เคยได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นมาแล้วในอดีต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมรองรับโครงการระบบชำระเงินของประเทศ (National E-Payment) ของภาครัฐที่จะนำเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ซึ่งเมื่อสามารถรองรับการโอนเงินระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยแล้ว ระบบของเคทีซีก็พร้อมจะรองรับการรับชำระเงินและการจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ด้วย นอกจากนั้น เคทีซีจะเข้าร่วมในโครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax System) โดยจะให้ความร่วมมือกับกรมสรรพากรในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับ E-Tax SysTem ในเดือนมกราคม 2561 โดยในปัจจุบันเคทีซีเข้าอยู่ในระบบ eFiling ในการนำส่งภาษีประเภทต่างๆ กับกรมสรรพากรอยู่แล้ว

“การเข้าร่วมในระบบพร้อมเพย์ ส่วนแรกจะทำให้ลูกค้าที่ชำระเงินค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลให้กับบริษัทมีความสะดวก และไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อชำระหนี้ หรือมีค่าธรรมเนียมถูกลง ขณะเดียวกันการโอนเงินของบริษัทกับธุรกิจที่เป็นพันธมิตรก็จะมีต้นทุนน้อยลง รวมทั้งยังช่วยให้บริษัทลดต้นทุนในการวางและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) อีกด้วย” นายชุติเดช กล่าว

ส่วน นายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-ช่องทางการจัดจำหน่าย และธุรกิจร้านค้า KTC กล่าวว่า กลยุทธ์การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้าในปี 2560 จะมุ่งขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน และกลุ่มพนักงานประจำที่อาศัยในกรุงเทพฯ และในเขตเมืองที่มีกำลังซื้อสูงในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่กลุ่มลูกค้าเดินทางไปค่อนข้างสูง โดยช่องทางธนาคารกรุงไทย ถือเป็นช่องทางหลักในการขยายฐานสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 55% เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น

อย่างไรก็ดี ด้วยพฤติกรรมของประชากรในเขตเมืองที่ปรับเปลี่ยน และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกรรมบนออนไลน์มากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า กลยุทธ์การขยายฐานผลิตภัณฑ์ในปี 2560 บริษัทจึงมุ่งเน้นที่จะเติบโตบนช่องทางการสมัครทางออนไลน์ โดยจะเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของเคทีซี ทั้งเว็บไซต์ โมบายแอปพลิเคชั่น เฟซบุ๊ก รวมถึงจะร่วมมือกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจด้านการรับสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลผ่านออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เช่น Silkspan, Interspace, Masli และพันธมิตรอื่นๆ ในอนาคต โดยตั้งเป้าจำนวนสมาชิกใหม่ของเคทีซีในปี 2560 เท่ากับ 560,00 ราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 400,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 160,000 ราย

“ในส่วนของการบริหารธุรกิจร้านค้ารับบัตร จะรุกเข้าธุรกิจประเภทใหม่ๆ และการขยายสู่ตลาดต่างจังหวัด โดยทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจร้านค้ารับบัตรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นทำการตลาดทั้งแบ่งชำระ (Flexi) และการชำระเต็มจำนวน รวมถึงการขยายสมาชิกร้านค้าในช่องทางของ e-Commerce เนื่องจากเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่มีการเลือกซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ปัจจุบันเคทีซีมีมูลค่าการซื้อขายผ่านธุรกิจร้านค้าประมาณ 53,022 ล้านบาท และจำนวนร้านค้าประมาณ 14,800 แห่ง โดยในปี 2560 บริษัทมีเป้าหมายเติบโตของธุรกิจร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น” นายปิยศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต KTC กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2560 ต้องการเน้นให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย โดยบริษัทเน้นความสำคัญในทุกหมวดร้านค้าที่เป็นการใช้จ่ายประจำวัน และการใช้จ่ายตามโอกาสต่างๆ ด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนารูปแบบการตลาดที่ตรงใจ สร้างสรรค์และหลากหลาย โดยออกแคมเปญที่สร้างมูลค่าเพิ่มในแต่ละหมวดสินค้าเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายการเติบโตในปี 2560 ที่ 15% และคาดว่าจะมียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ประมาณ 190,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ในการรักษาฐานสมาชิกในระยะยาวด้วยโปรแกรมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards โดยได้ขยายรูปแบบการใช้คะแนนออกไปหลากหลาย ด้วยการจับมือกับกลุ่มพันธมิตรธุรกิจต่างๆ และเพิ่มช่องทางให้สมาชิกสามารถแลกสินค้าและบริการได้จากจุดให้แลกคะแนนกว่า 3,000 จุด รวมถึงช่องทางออนไลน์อีกด้วย บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาบริการออนไลน์ที่รวดเร็ว ปลอดภัยสูงและง่าย เพื่อให้สมาชิกทำธุรกรรมรายการต่างๆ ได้มากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตนเองทั้งบนเว็บไซต์ Click KTC และบนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตผ่านโมบาย แอปพลิเคชั่น (TapKTC) รองรับระบบปฏิบัติการ iOS และแอนดรอยด์ และจะพัฒนาบริการการเดินทางและท่องเที่ยวแบบครบวงจร (KTC World Travel Services) เพื่อรวบรวมสิทธิประโยชน์หรือส่วนลดครอบคลุมการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศไว้ในที่เดียว สำหรับการจองบัตรโดยสาร โรงแรม และสร้างสรรค์โปรแกรมการตลาดอย่างต่อเนื่องและตรงกับความต้องการของลูกค้า

สำหรับ นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจสินเชื่อบุคคล KTC กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดของธุรกิจสินเชื่อบุคคล ในปี 2560 จะเน้นจัดกิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ เพื่อรองรับสมาชิกใหม่และรักษาฐานเดิมของสมาชิกสินเชื่อพร้อมใช้ ด้วยกลยุทธ์ 4 แกน คือ 1. ให้สมาชิกธุรกิจสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว” สามารถใช้วงเงินสินเชื่อและชำระคืน โดยใช้บริการแบ่งชำระ KTC Flexi ยาวนานถึง 36 เดือนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

2. การเพิ่มและขยายฐานสมาชิกใหม่ราว 1.6 แสนราย ครอบคลุมถึงการอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วและรับเงินได้ทันที ผ่านโครงการ “CASH@KTC Touch” สมัครง่ายอนุมัติไวรู้ผลภายใน 30 นาที และบริการเบิกถอนเงินสดแบบออนไลน์ ผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น “TapKTC” หรือผ่านเว็บไซต์และเข้าทำรายการใน “Click KTC” ซึ่งสะดวกสบายและเหมาะกับสมาชิกในยุคดิจิทัล

3. การแบ่งเบาภาระหนี้และค่าใช้จ่ายโดยพิจารณาถึงความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญ 4. การสร้างความพึงพอใจสมาชิกเพื่อสร้างความผูกพันกับผลิตภัณฑ์ในระยะยาว ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทมีเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 15%

ในส่วนของ นายระเฑียร กล่าวเพิ่มเติมว่า เคทีซีมีเป้าหมายในการรุกธุรกิจทุกกลุ่ม ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ร้านค้า การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายและออนไลน์ รวมทั้งสร้างทางเลือกต่างๆ เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าในการชำระค่าใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงินใหม่ๆ ด้วยบัตรเครดิต (Card/Payment Platform) เพื่อรองรับกระแสของเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงของระบบ National E-Payment ตลอดจนธุรกิจฟินเทคที่กำลังมา โดยคาดว่าในปี 2560 บริษัทจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% และจะรักษาระดับของ NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2559

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทใน 9 เดือนแรกของปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,854 ล้านบาท จำนวนสมาชิกรวมมากกว่า 2.8 ล้านบัญชี พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 57,015 ล้านบาท และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 14% ในขณะที่ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.86% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.37% และ NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ในระดับเดิมที่ 1.01%

145 views
bottom of page