top of page
312345.jpg

BAY ตั้งเป้าปี 60 รายย่อยโต 11% - หันเจาะกลุ่มลูกค้าเงินลงทุน 1 ล้าน


‘กรุงศรี’ เผยสินเชื่อรายย่อยปีนี้โตเกินเป้า 11% หลัง 9 เดือนเข้าเป้าแล้ว มียอดสินเชื่อคงค้าง 6.18 แสนล้าน ปีหน้าเอาอีกไม่ต่ำกว่า 11% พร้อมกดหนี้เสียให้ไม่เกิน 2% ล่าสุด แตกกลุ่มลูกค้าลงทุนออกมาเล่นระดับเงินลงทุน 1 ล้านแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาทเป็นแบงก์แรก ตั้งเป้าลูกค้าโตจากฐาน 1 แสนราย 50% เงินภายใต้การบริหารโต 60% ภายใน 3 ปี

นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า สินเชื่อรายย่อยของธนาคารในปีนี้ขยายตัวดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 สินเชื่อรายย่อยขยายตัวได้ 11% เท่ากับเป้าหมายของทั้งปี ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้สินเชื่อจะขยายตัวดีกว่าเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย ส่วนในปี 2560 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยเติบโตไม่น้อยกว่า 11% จากที่ประมาณการว่าจีดีพีในปี 2560 จะเติบโตที่ 3.2%

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยคงค้างราว 6.18 แสนล้านบาท คิดเป็น 44% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร โดยปัจจุบันสินเชื่อรายย่อยแบ่งสัดส่วนเป็น สินเชื่อบ้าน 14% มีสินเชื่อคงค้าง 1.89 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อบ้านทั้งระบบราว 9% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 20% มียอดสินเชื่อ 2.85 แสนล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาด 23% สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล 10% มียอดสินเชื่อคงค้างรวมกัน 1.3 แสนล้านบาท โดยบัตรเครดิตมีส่วนแบ่งตลาด 14% และสินเชื่อบุคคลมีส่วนแบ่งตลาด 27% ส่วนทางด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อรายย่อยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าควบคุมให้ภายในสิ้นปีนี้อยู่ในระดับไม่เกิน 2%

“มั่นใจว่าสินเชื่อรายย่อยในปีหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีนี้ จากที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น แต่จากการที่หนี้ภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ และมีการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อไม่ให้ NPL เพิ่มสูงขึ้น" นายแดน กล่าวและเผยต่อไปว่า

ธนาคารยังมุ่งขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านหรือกลุ่ม CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าไปซื้อกิจการไมโครไฟแนนซ์แห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งการปล่อยสินเชื่อมีอัตราเติบโตสูง ทำให้ในปีนี้ธนาคารปรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 8-9% จากเดิมตั้งไว้ที่ 5-6% ซึ่งหากไม่รวมการปล่อยสินเชื่อในกัมพูชา ช่วง 9 เดือนแรก การปล่อยสินเชื่อรวมของธนาคารเติบโตได้แล้วที่ 6.6%

นายแดน กล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย ล่าสุด ธนาคารได้แบ่งกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนกับธนาคารออกมาเป็นกลุ่มใหม่ โดยเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการที่ธนาคารมีแนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้มีความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พร้อมมีฐานข้อมูลพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าเพื่อใช้พัฒนาการให้บริการได้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าที่มีอัตราการขยายตัวสูงและมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในระบบธนาคาร คือ ลูกค้าบุคคลที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือ Mass Affluent Customer ซึ่งเป็นกลุ่มที่ธนาคารสามารถเติมเต็มความต้องการทางการเงินและสนับสนุนให้เติบโตต่อไปได้อย่างเต็มที่ โดยกำหนดกลุ่มลูกค้านี้ภายใต้ชื่อ “กรุงศรีไพรม์” (KRUNGSRI PRIME) พร้อมทั้งจัดบริการที่ปรึกษาทางการเงินที่ตอบโจทย์การบริหารจัดการการเงินของลูกค้าได้ตรงจุดยิ่งขึ้น รวมทั้งมอบสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าเพื่อการใช้ชีวิตในทุกวันตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ

ทั้งนี้ ธนาคารได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามพันธสัญญา “เรื่องเงิน เรื่องง่าย” ผ่านแอปพลิเคชั่น “KRUNGSRI PRIME” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการ และสามารถรับสิทธิพิเศษที่ผ่านการคัดสรรได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ จากธนาคาร โดยมี 3 สิทธิพิเศษหลักที่คัดสรรมาให้ลูกค้า ประกอบด้วย 1.บริการให้คำแนะนำด้านการเงิน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ 2.ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ 3.สิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน รวมถึงของขวัญและกิจกรรมพิเศษที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ เพื่อให้ลูกค้าได้สนุกไปกับการใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

“จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ลูกค้าที่มีเงินฝากและเงินลงทุน 1 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุด ทำให้กรุงศรีเป็นธนาคารแรกที่มีการโฟกัสลูกค้ากลุ่มนี้อย่างชัดเจน ขณะที่ธนาคารอื่นๆ โฟกัสกลุ่มลูกค้า 5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนเป้าหมายสำหรับกลุ่มลูกค้าที่แบ่งออกมาใหม่ เราตั้งเป้าหมายมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีลูกค้าเงินฝากและเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาทอยู่แล้วประมาณ 100,000 ราย ซึ่งลูกค้าใหม่จะมาจากลูกค้าเก่าที่ปัจจุบันอาจยังมีเงินฝากและเงินลงทุนไม่ถึง 1 ล้านบาท รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของกรุงศรี ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 60% ภายใน 3 ปีเช่นกัน” นายแดน กล่าวในตอนท้าย

0 views
bottom of page