ผลการเลือกตั้งในสหรัฐมีการมองว่าด้วยนโยบายของทรัมป์ที่จะมีการกีดกันทางการค้าเสรีมากขึ้น อาจจะมีผลให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐได้รับผลกระทบ แต่คงเป็นในระยะยาว เพราะกว่าจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเต็มตัว ต้องใช้เวลาถึงต้นปีหน้า จึงมีเวลาหลายเดือนที่ผู้ส่งออกของไทยจะมีการปรับตัว และแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับการส่งออกไปสหรัฐ
โดยเฉพาะการขยายตลาดและการเจาะตลาดใหม่ในภูมิภาคอื่นๆและเอเชีย มองผลกระทบจะมีไม่มาก เพราะการแข่งขันในตลาดโลกปัจจุบันก็มีมากอยู่แล้ว การปรับตัวของผู้ค้าและการส่งออกย่อมสามารถทำได้ดีในระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ จึงไม่มีผลกระทบกับการส่งออกแต่อย่างใด ทำให้มองผลประกอบการของธุรกิจต่างๆของไทยยังเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินว่าจากภาวะปลายปีที่เป็นไฮซีซั่นของหลายๆ ธุรกิจจะมีผลดีกับผลประกอบการของธุรกิจในตลาดมากแน่นอน จึงสามารถคาดหมายได้ว่าผลกำไรของธุรกิจในตลาดหุ้น ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก นับเป็นสิ่งจูงใจให้มีการเข้ามาเลือกลงทุนได้มากขึ้น
เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยบวกกับตลาดแล้ว ยังทำให้ผู้ลงทุนสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่เงินปันผลที่สูงกว่าครึ่งปีแรกได้มากด้วย ทำให้การลงทุนจะมีความคุ้มค่ามากขึ้น ขณะเดียวกัน ทุกช่วงปลายปีจะมีแรงซื้อหุ้นจาก LTF และ RMF มาเสริมอีกด้วย ทำให้ตลาดจะคึกคักได้มาก ราคาหุ้นจะมีการขยับปรับสูงขึ้นตามพื้นฐานที่ดี และมองประเด็นเฟดที่เคยมองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววัน เมื่อทรัมป์จะมาเป็นประธานาธิบดี เป็นรัฐบาลใหม่ ที่มีนโยบายช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนในประเทศ ทำให้มีการมองว่าจะทำให้เฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุน ทำให้เงินไม่ไหลออกจากตลาดหุ้นอย่างที่เคยวิตกกังวลกัน ย่อมมีผลดีกับการลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง มองตลาดจะปรับตัวในทิศทางบวกได้มากขึ้น จึงควรทยอยเลือกลงทุนต่อไป