top of page
327304.jpg

BAY เล็งกุมรถญี่ปุ่นทุกค่าย - บริการตั้งแต่ต้นยันปลายน้ำ


‘กรุงศรี’ จ้องฮุบบริการทางการเงินอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นในไทยทั้งระบบ เอาให้ครบวงจรตั้งแต่ผู้ผลิตยันคนซื้อรถ ด้านกรุงศรี ออโต้ อวดผลงานครึ่งปีแรกปล่อยสินเชื่อใหม่ 6.74 หมื่นล้าน โต 21% ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 24% ทั้งปีตั้งเป้าปล่อยใหม่ 1.33 แสนล้าน โต 6% พร้อมขยับเป้าสินเชื่อคงค้างจาก 2.62 แสนล้านเป็น 2.79 แสนล้าน โต 10% เผยครึ่งปีหลังเจาะตลาดรถบ้านซื้อขายออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์รับประกันอะไหล่ 1 ปีเต็ม

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ควบรวมกิจการกับธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) สาขากรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ในกลุ่มผู้บริหารที่ดูแลลูกค้าด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งที่เป็นชาวไทย ชาวต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นในประเทศไทยได้มีการพูดคุยหารือกันถึงกรณีความต้องการให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หรือมีความต้องการให้บริการทางการเงินและเป็นที่ปรึกษาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทยทุกบริษัท ตลอดจนให้บริการแก่เอสเอ็มอีที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (value chain) ของธุรกิจยานยนต์ของญี่ปุ่น และให้บริการสินเชื่อแก่ผู้บริโภคในไทยที่มีต้องการซื้อรถยนต์ญี่ปุ่นทุกยี่ห้อ ซึ่งหากทำได้จะทำให้ธนาคารรู้จักลูกค้าทุกกลุ่ม ให้บริการได้อย่างครบวงจร และสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเป็นวิสัยทัศน์ (vision) ของธนาคารที่จะทำให้ได้

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาสถาบันการเงินจากญี่ปุ่นยังให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานต้นทุนการเงินแบบไทย ไม่ได้มีการนำเงินทุนจากญี่ปุ่นที่มีต้นทุนการเงินต่ำเข้ามาทำตลาด เนื่องจากมองว่า แม้ต้นทุนการเงินของไทยสูงกว่า แต่ธนาคารยังมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี จึงไม่นำเงินต้นทุนต่ำจากญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการให้บริการสินเชื่อยานยนต์แก่ผู้บริโภค ในส่วนของกรุงศรี ออโต้ สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยในปีนี้มีการขยายพื้นที่บริการไปในภาคตะวันออกที่เป็นแหล่งของนิคมอุตสาหกรรม รวมไปถึงภาคอีสานตอนใต้ และยังมีการร่วมงานมหกรรมยายนต์ที่สำคัญทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายรายการ ทำให้สามารถครอบคลุมฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

โดยครึ่งแรกของปี 2559 กรุงศรี ออโต้ มียอดสินเชื่อใหม่ 67,400 ล้านบาท เติบโต 21% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอีก 3% เป็น 24% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน จากที่ตลาดสินเชื่อยานยนต์เติบโตเพียง 3% ขณะที่เชื่อมั่นว่าในปีนี้จะมียอดสินเชื่อใหม่ 133,000 ล้านบาท เติบโต 6% และรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ 24% ขณะเดียวกันได้มีการปรับเป้ายอดสินเชื่อคงค้างรวมของปี 2559 จาก 262,000 ล้านบาท เป็น 279,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปี 2558 และจะควบคุมระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก จากที่ NPL สินเชื่อยานยนต์ในระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 2.72%

“ในครึ่งปีหลังเราจะรุกตลาดรถบ้านหรือตลาดของผู้ต้องการซื้อรถยนต์มือสองโดยตรงจากเจ้าของรถ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต แต่ยังไม่มีผู้เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง กรุงศรี ออโต้ จึงเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ ด้วยกลยุทธ์ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง นำเสนอบริการสินเชื่อ ‘กรุงศรี รถบ้าน’ ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ ‘กรุงศรีมาร์เก็ตดอทคอม’ (www.krungsrimarket.com) เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองพร้อมบริการสินเชื่อครบวงจร และเปิดประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภคกับบริการกรอกฟอร์มขอสินเชื่อออนไลน์แบบ Interactive พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว รู้ผลอนุมัติไว ไม่ต้องมีผู้ค้ำ นอกจากนั้น ยังสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าให้หมดกังวลในเรื่องสภาพรถ ด้วยโปรแกรมขยายเวลารับประกันอะไหล่เทียบเท่ารถป้ายแดง ‘Krungsri Auto Extended Warranty’ โดยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอะไหล่ที่เสื่อมสภาพก่อนถึงเวลา 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร นับเป็นมาตรฐานใหม่ของตลาดสินเชื่อรถบ้าน” นายไพโรจน์ กล่าวและเผยอีกว่า

สำหรับตลาดรถยนต์ในปี 2559 คาดว่ายอดขายรถยนต์ใหม่จะลดลง 7% หรืออยู่ที่ประมาณ 740,000 คัน เปรียบเทียบกับปี 2558 ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 799,000 คัน เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโดยรวมและผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ขณะที่ตลาดรถยนต์มือสองเริ่มฟื้นตัว มีปริมาณการขายหมุนเวียนเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์มือสองประมาณ 1,375,000 คัน เติบโตขึ้น 10% ส่วนในปี 2560 คาดว่าตลาดรถยนต์ใหม่จะเติบโตได้ราว 3% นับเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 3-4 ปี ขณะที่ตลาดรถยนต์มือสองคาดว่าจะมีการเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน

1 view
bottom of page