top of page
379208.jpg

ระวัง!! Sell in June....ขาดเม็ดเงินใหม่มาเติม


ทีมกลยุทธ์ บล.หยวนต้า สะกิดนักลงทุนระวัง...ไม่มี Sell in May อาจจะเลื่อนเป็น Sell in June ด้าน บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อสังเกตนักลงทุนต่างชาติคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ขณะที่เงินที่ลงทุนในหุ้นเป็นเม็ดเงินเดิมๆที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนการซื้อขายแบบ Sector Rotation แนะกลยุทธ์การลงทุนในเดือนมิถุนายน 2563 ต้องจัดพอร์ตเตรียมรับตลาดแกว่งโดยเน้นเลือกลงทุนหุ้นที่มั่นคงมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ

หลังจากที่เก็งและเกร็งกันว่า ตลาดหุ้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นอย่างไร มี Sell in May หรือไม่ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นเดือนพฤษภาคม 2563 มาได้ปรากฏว่า ไม่มี Sell in May เกิดขึ้น ตรงกันข้ามหุ้นกลับปรับตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ฟื้นตัวขึ้น 3.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ทำให้สถานการณ์ดัชนีหุ้นไทยติดลบเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2563 (YTD) เหลือติดลบ 15%

ทีมกลยุทธ์ บล.หยวนต้า อธิบายว่า การที่ไม่เกิด Sell in May ในเดือนพฤษภาคม และหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้ มาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ 1. จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลดลงจนสามารถคลาย Lockdown ได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด และสภาพคล่องที่เติมเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอย่างมากทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มี Sell in May แต่ไม่ควรประมาทกับ Sell in June เพราะ

1) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนมีแต่จะรุนแรงขึ้น

2) สภาพคล่องในระบบการเงินจะลดลงชั่วคราว จากการเร่งระดมเงินของหลายประเทศผ่านการออกพันธบัตร

3) ปัจจัยในประเทศขาดแรงหนุนใหม่หลังคลาย Lockdown ไปแล้ว 3 เฟส ขณะที่มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทเริ่มได้เร็วสุดคือกรกฎาคม 2563

4) Valuation ของ SET Index ตึงตัว PER2563-64 เฉลี่ย 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 16.5 เท่า

5) การฟื้นตัวของรอบวิกฤตในอดีต เมื่อ เข้าสู่สัปดาห์ที่ 12-14 มักมีการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง ซึ่ง SET Index ฟื้นจาก Bottom มาแล้วเข้าสู่สัปดาห์ที่ 11


“ไม่เกิด Sell in May ตามที่เราคาด SET Index เดือนพฤษภาคมฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อีก 3.2% เมื่อเทียบเดือนเมษายน ทำให้เทียบปีต่อปีเหลือติดลบเพียง -15% จากที่ลงลึกไปถึง 39% ในรอบปีที่ผ่านมา ถ้านับที่จุด Bottom ของรอบที่ 969 จุดเมื่อ 13 มีนาคม 2563


วิกฤต COVID-19 รอบนี้ SET Index ฟื้นจาก Bottom มาแล้ว 11 สัปดาห์ พักเงินในกลุ่ม Defensive และ Domestic (D&D)


แม้ว่าเดือนมิถุนายน 2563 มีโอกาสได้แรงหนุนจาก SSFX โค้งสุดท้าย แต่จากการติดตามเม็ดเงินไหลเข้าทั้ง 18 กองทุนในช่วง เมษายน-พฤษภาคม 2563 พบว่าอยู่ในระดับต่ำ เพียง 1.8 พันล้านบาท ทำให้เราคาดว่าแรงซื้อตลอด 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย. 63) จะน้อยกว่าที่เคยคาดไว้ 6 พันล้านบาท จึงไม่น่าช่วยหนุน SET Index ได้มากนัก


สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้พักเงินในชุดหุ้น D&D หรือกลุ่ม Defensive และ Domestic Play ที่มีกระแสเงินสดมั่นคงและมีค่าเบต้าต่ำ ได้แก่ ADVANC/DTAC/INTUCH/CPALL/BGRIM/BCH/BEM/AMATA


เอเซียพลัส ย้ำ มิ.ย.หุ้นแกว่ง

ตลาดขาดเม็ดเงินใหม่มาเติม

ด้าน บล.เอเซีย พลัส สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2 ว่าจะเป็นเดือนที่หุ้นไทยผันผวน เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลกระทบทั่วโลกผ่านไปถึงภาคเศรษฐกิจต่างๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่อาจกดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม ส่วนในประเทศยังคงเห็นภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 นำไปสู่การปรับลด GDP Growth ปี 2563 โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดว่าจะหดตัวถึง 5.7% ขณะที่ประเด็นติดตามให้ความสำคัญกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

“ในส่วนของแนวโน้ม Fund Flow เดือนมิถุนายน 2563 นั้นยังไม่เห็นสัญญาณการไหลกลับ หลังจากเดือนพฤษภาคม 2563 ต่างชาติขายสุทธิทุกวันคิดเป็นมูลค่าการขายสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันในประเทศเริ่มเบาบางลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา บ่งบอกว่าตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินลงทุนเดิมๆ เพียงแต่เป็นการสลับหมุนเวียนไปลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ จะเห็นว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 1/2563 หดตัวแรงถึง 51% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 61% เทียบปีต่อปีบวกกับกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2563 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีถือเป็น Downside ต่อประมาณการและนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรปี 2563 ใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้คาดการณ์ EPS ปี 2563 ใหม่ อยู่ที่ 64.0 (ต่ำกว่า Consensus ที่ 67.7) และหากพิจารณาจาก Market Earning Yield Gap ที่ 55% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 18.2 เท่า นั่นหมายถึง SET Index เป้าหมายจะอยู่ที่ 1,164 จุด เท่ากับว่า SET Index ณ ปัจจุบันไม่เหลือ Upside ในทางพื้นฐานแล้ว อีกทั้งยังซื้อขายบนระดับ PER63F ที่สูงเกินกว่า 21 เท่า (สูงสุดในภูมิภาค)

“ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในเดือน มิถุนายน 2563 ทาง บล.เอเซีย พลัส จึงแนะจัดพอร์ตเตรียมรับความผันผวนของตลาดโดยเน้นเลือกลงทุนหุ้นที่มั่นคงมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ โดยเลือก ADVANC, BCPG และ BDMS ช่วยรองรับความผันผวนจากความเสี่ยงต่างๆ ได้ดี และหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ให้ปันผลสูง เช่น BBL, PTT, TVO และ TTW มีเงินปันผลเป็นเบาะรองรับความผันผวน ขณะที่หุ้น Overvalue ที่ควรใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายคือ DELTA เพราะมีโอกาสหลุดออกจากการคำนวณ SET50 และ SET100 ในรอบนี้ และ LPN ที่ราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาแรง สวนทางแนวโน้มการเติบโต”

21 views

Comments


bottom of page