ระวัง!! Sell in June....ขาดเม็ดเงินใหม่มาเติม
- Dokbia Online
- Jun 9, 2020
- 2 min read

ทีมกลยุทธ์ บล.หยวนต้า สะกิดนักลงทุนระวัง...ไม่มี Sell in May อาจจะเลื่อนเป็น Sell in June ด้าน บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อสังเกตนักลงทุนต่างชาติคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ขณะที่เงินที่ลงทุนในหุ้นเป็นเม็ดเงินเดิมๆที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนการซื้อขายแบบ Sector Rotation แนะกลยุทธ์การลงทุนในเดือนมิถุนายน 2563 ต้องจัดพอร์ตเตรียมรับตลาดแกว่งโดยเน้นเลือกลงทุนหุ้นที่มั่นคงมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ
หลังจากที่เก็งและเกร็งกันว่า ตลาดหุ้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นอย่างไร มี Sell in May หรือไม่ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นเดือนพฤษภาคม 2563 มาได้ปรากฏว่า ไม่มี Sell in May เกิดขึ้น ตรงกันข้ามหุ้นกลับปรับตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ฟื้นตัวขึ้น 3.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ทำให้สถานการณ์ดัชนีหุ้นไทยติดลบเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2563 (YTD) เหลือติดลบ 15%
ทีมกลยุทธ์ บล.หยวนต้า อธิบายว่า การที่ไม่เกิด Sell in May ในเดือนพฤษภาคม และหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้ มาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ 1. จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลดลงจนสามารถคลาย Lockdown ได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด และสภาพคล่องที่เติมเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอย่างมากทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มี Sell in May แต่ไม่ควรประมาทกับ Sell in June เพราะ
1) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนมีแต่จะรุนแรงขึ้น
2) สภาพคล่องในระบบการเงินจะลดลงชั่วคราว จากการเร่งระดมเงินของหลายประเทศผ่านการออกพันธบัตร
3) ปัจจัยในประเทศขาดแรงหนุนใหม่หลังคลาย Lockdown ไปแล้ว 3 เฟส ขณะที่มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทเริ่มได้เร็วสุดคือกรกฎาคม 2563
4) Valuation ของ SET Index ตึงตัว PER2563-64 เฉลี่ย 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 16.5 เท่า
5) การฟื้นตัวของรอบวิกฤตในอดีต เมื่อ เข้าสู่สัปดาห์ที่ 12-14 มักมีการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง ซึ่ง SET Index ฟื้นจาก Bottom มาแล้วเข้าสู่สัปดาห์ที่ 11
“ไม่เกิด Sell in May ตามที่เราคาด SET Index เดือนพฤษภาคมฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อีก 3.2% เมื่อเทียบเดือนเมษายน ทำให้เทียบปีต่อปีเหลือติดลบเพียง -15% จากที่ลงลึกไปถึง 39% ในรอบปีที่ผ่านมา ถ้านับที่จุด Bottom ของรอบที่ 969 จุดเมื่อ 13 มีนาคม 2563
วิกฤต COVID-19 รอบนี้ SET Index ฟื้นจาก Bottom มาแล้ว 11 สัปดาห์ พักเงินในกลุ่ม Defensive และ Domestic (D&D)
แม้ว่าเดือนมิถุนายน 2563 มีโอกาสได้แรงหนุนจาก SSFX โค้งสุดท้าย แต่จากการติดตามเม็ดเงินไหลเข้าทั้ง 18 กองทุนในช่วง เมษายน-พฤษภาคม 2563 พบว่าอยู่ในระดับต่ำ เพียง 1.8 พันล้านบาท ทำให้เราคาดว่าแรงซื้อตลอด 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย. 63) จะน้อยกว่าที่เคยคาดไว้ 6 พันล้านบาท จึงไม่น่าช่วยหนุน SET Index ได้มากนัก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้พักเงินในชุดหุ้น D&D หรือกลุ่ม Defensive และ Domestic Play ที่มีกระแสเงินสดมั่นคงและมีค่าเบต้าต่ำ ได้แก่ ADVANC/DTAC/INTUCH/CPALL/BGRIM/BCH/BEM/AMATA
เอเซียพลัส ย้ำ มิ.ย.หุ้นแกว่ง
ตลาดขาดเม็ดเงินใหม่มาเติม
ด้าน บล.เอเซีย พลัส สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2 ว่าจะเป็นเดือนที่หุ้นไทยผันผวน เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลกระทบทั่วโลกผ่านไปถึงภาคเศรษฐกิจต่างๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่อาจกดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม ส่วนในประเทศยังคงเห็นภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 นำไปสู่การปรับลด GDP Growth ปี 2563 โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดว่าจะหดตัวถึง 5.7% ขณะที่ประเด็นติดตามให้ความสำคัญกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
“ในส่วนของแนวโน้ม Fund Flow เดือนมิถุนายน 2563 นั้นยังไม่เห็นสัญญาณการไหลกลับ หลังจากเดือนพฤษภาคม 2563 ต่างชาติขายสุทธิทุกวันคิดเป็นมูลค่าการขายสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันในประเทศเริ่มเบาบางลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา บ่งบอกว่าตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินลงทุนเดิมๆ เพียงแต่เป็นการสลับหมุนเวียนไปลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ จะเห็นว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 1/2563 หดตัวแรงถึง 51% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 61% เทียบปีต่อปีบวกกับกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2563 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีถือเป็น Downside ต่อประมาณการและนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรปี 2563 ใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้คาดการณ์ EPS ปี 2563 ใหม่ อยู่ที่ 64.0 (ต่ำกว่า Consensus ที่ 67.7) และหากพิจารณาจาก Market Earning Yield Gap ที่ 55% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 18.2 เท่า นั่นหมายถึง SET Index เป้าหมายจะอยู่ที่ 1,164 จุด เท่ากับว่า SET Index ณ ปัจจุบันไม่เหลือ Upside ในทางพื้นฐานแล้ว อีกทั้งยังซื้อขายบนระดับ PER63F ที่สูงเกินกว่า 21 เท่า (สูงสุดในภูมิภาค)
“ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในเดือน มิถุนายน 2563 ทาง บล.เอเซีย พลัส จึงแนะจัดพอร์ตเตรียมรับความผันผวนของตลาดโดยเน้นเลือกลงทุนหุ้นที่มั่นคงมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ โดยเลือก ADVANC, BCPG และ BDMS ช่วยรองรับความผันผวนจากความเสี่ยงต่างๆ ได้ดี และหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ให้ปันผลสูง เช่น BBL, PTT, TVO และ TTW มีเงินปันผลเป็นเบาะรองรับความผันผวน ขณะที่หุ้น Overvalue ที่ควรใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายคือ DELTA เพราะมีโอกาสหลุดออกจากการคำนวณ SET50 และ SET100 ในรอบนี้ และ LPN ที่ราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาแรง สวนทางแนวโน้มการเติบโต”
Comments