ส่งออกผลไม้อบแห้ง-อาหารเพื่อสุขภาพ รับผลกระทบภาษีตอบโต้ทรัมป์
- Dokbia Online

- Apr 28
- 2 min read

เจริญอุตสาหกรรม ธุรกิจส่งออกผลไม้อบแห้ง อาหารเพื่อสุขภาพ โดนผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของทรัมป์แบบเต็มๆ เหตุส่งออกไปอเมริกามากถึง 50% ต้องวางแผนร่วมกับผู้ซื้อในการช่วยกันแบกรับภาษีที่เพิ่มขึ้น 10% พร้อมรอลุ้นการเจรจาไทย-อเมริกาในประเด็นภาษี 36% ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่มั่นใจมีแผนรองรับในทุกผลลัพธ์และมีสายป่านยาวพอที่จะเดินหน้าธุรกิจต่อไป ห่วงแต่ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีเงินทุนไม่มากพอ มีสิทธิ์ปิดกิจการม้วนเสื่อกลับบ้านหลายราย
Interview : คุณศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม หรือ CH
กรณีของภาษีทรัมป์มีผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมไทยอย่างไรบ้าง
แน่นอนมันต้องได้รับผลกระทบว่าพอภาษีออกมาก็ทําให้ลูกค้าชะลอการส่งมอบแล้วก็ชะลอคําสั่งซื้อลง
เดิมเลยการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมไปอเมริกามากน้อยขนาดไหน
เฉพาะของผมส่งออกไปอเมริกาประมาณ 50% ครึ่งหนึ่งของรายได้ของผมเลย ครึ่งหนึ่งของรายได้ของบริษัทผมมาจากสินค้าที่ส่งไปอเมริกา พอทางอเมริกาขึ้นภาษี ในเดือนเมษายนลูกค้าของเราในอเมริกาชะลอการส่งมอบ เพราะถ้าส่งมอบก็ไม่รู้ว่าจะโดนเสียภาษีอะไรเท่าไหร่ คำสั่งซื้อใหม่ๆ ก็ยังไม่ออกมาจนกว่าจะได้รับความแน่ชัด แต่เขามีคำสั่งซื้อเก่าๆ ส่งเข้ามาแล้ว เราได้รับคำสั่งซื้อเดิม ก่อนหน้านี้เข้ามาเรื่อยๆ เพราะลูกค้าต้องการของ แต่ไม่ใช่สั่งปุ๊บจะได้เลยเพราะสินค้าของเราเป็นการสั่งผลิต ต้องส่งออร์เดอร์มาก่อนล่วงหน้าแล้วก็ผลิตเพื่อส่งตามไป เพราะฉะนั้นออร์เดอร์เราพอมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอเราผลิตเสร็จแล้วลูกค้าบอกอย่าเพิ่งส่ง เพราะส่งไปแล้วไม่รู้ว่าจะเสียภาษีเท่าไหร่ แต่ตอนที่ทรัมป์ประกาศออกมาเป็นลักษณะอย่างนั้น ไลน์การผลิตเรายังไม่หยุดลงเพราะแค่ชะลอการส่งมอบ ออร์เดอร์มันมีอยู่เพียงแต่ชะลออย่าเพิ่งโหลดลงเรือ แต่เราก็ยังผลิตและเก็บไว้เป็นสต๊อกของโรงงานเรา
บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่ายิ่งแบบนี้แล้วพอมีการขยายเวลาไป 90 วัน ก็เลยทำให้เร่งผลิตแล้วก็ส่งเข้าไปกันใหญ่เลย เพื่อที่จะเก็บเป็นภาษีเดิม
ใช่ เพราะอันนั้นเป็นสิ่งที่เราคาดหวัง ตอนที่ชะลอการส่งมอบเราก็ปรึกษากัน คุยกับลูกค้าเหมือนกันว่าให้ชะลอการส่งก่อน แล้วคุณต้องการให้เราทำอะไร ให้เราอย่าเพิ่งผลิตเลยไหม หรือว่าจะให้เราผลิตไปเรื่อยๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะบอกว่าให้เราผลิตไปเรื่อยๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ Expect อยู่แล้วว่าประธานาธิบดีของสหรัฐครั้งนี้ก็คงจะ Postpone คำสั่งออกไป...ออกไปแล้วลูกค้าเราก็กะว่าเมื่อเขา Postpone เราค่อยจะส่งมอบให้มากที่สุดเพื่อจะได้ไม่เสียภาษี เพื่อประหยัดภาษีให้มากที่สุด ก็เป็นสิ่งที่เราคุยกับลูกค้าเราได้วางแผนกันไว้ เราเลยไม่ได้หยุดการผลิต เรายังผลิตต่อไปตามคำสั่งซื้อ
นับจากวันที่ 5 มา เจอเรื่องภาษี 10% ด้วยหรือเปล่า หรือยังไม่โดน
ก็มีบางส่วนที่เราโดนภาษี เพราะภาษีเก็บจากวันที่เราลงเรือ เพราะการเดินทางไปสหรัฐประมาณ 30 วัน จริงๆ มีเรือที่เร็วกว่านั้น แต่ทั่วๆ ไปคือ 30 วัน ถ้าของที่ลงเรือไปก่อนวันที่ 2 เมษายน ก็ไม่เสียภาษี 40% ของที่โรงเรือหลัง 2 เมษายนเป็นต้นไปก็เสีย 40% เมื่อประธานาธิบดีเขาเลื่อนการบังคับใช้ภาษี 36% ออกไป แต่เขายังบังคับใช้ภาษี 10% พอเขาบังคับแค่ 10% เราก็เจรจากับลูกค้าต่อว่าโอเค 40% นี่มันคือสิ่งที่ตอนนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างน้อยใน 90 วันนี้ เพราะประธานาธิบดีท่านให้ 10% ไป 90 วัน เราจะทำยังไงกัน คุณต้องการสินค้าไหม เราจะทำยังไงกันต่อ ก็เป็นสัดส่วนภาษีที่เรากับลูกค้าว่าพอรับกันได้ที่ 10% ก็เลยเจรจากันว่าใน 10% เราจะซัพพอร์ตเขาเท่าไหร่ เขาจะต้องซัพพอร์ตเท่าไหร่
แต่คราวนี้เจรจาเท่านี้มันไม่พอถ้าเจรจากันเท่านี้หมายความว่าเราต้องซัพพอร์ตตลอดทั้งปี เหมือนเราลดราคาให้เขาไปเลยที่เราซัพพอร์ต แต่นั่นมันไม่ใช่ เพราะบริษัทเราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้าคุณไปดูงบการเงินของบริษัทเราคุณจะเห็นว่าบริษัทเรากำไร Net Profit ประมาณแค่ 5% แต่ถ้าผมซัพพอร์ตลูกค้าไปเรื่อยๆ สมมุติซัพพอร์ต 2-3% หมายความว่า Net Profit ผมหายไป 2-3% แล้วผมจะซัพพอร์ตอย่างนี้ตลอดไปได้ไหม ถ้าผมจะซัพพอร์ตอย่างนี้ตลอดไปหมายความว่าผมทำแล้วผมทำงานไปก็ไม่ได้กำไรเท่าไหร่ ที่เราต้องเจรจาคือ You ก็ต้องปรับตัวนะ เพราะ You เป็นประเทศที่มีปัญหา ประธานาธิบดีประเทศของ You ทำแบบนี้ พอประกาศออกมาแล้วใช้เลย You กลับตัวไม่ทันหรืออาจจะรักษาลูกค้าไม่ได้ คิดกลยุทธ์ไม่ทัน เราช่วยกันซัพพอร์ตแล้ว ถ้าคุณสามารถขายของไปได้ หรือว่าซัพพอร์ตบางส่วนเราก็ซัพพอร์ตบางส่วน แล้ว You ไปค่อยๆ คิดว่าจะทำยังไงเพื่อแก้สถานการณ์นี้ ลดอะไรบางส่วนทางร้านของคุณ หรือว่าคุณจะไปขึ้นราคาสินค้าก็แล้วแต่ ขอระยะเวลา ต้องมีระยะเวลาให้กำหนดว่าผมจะซัพพอร์ต ประเทศไทยจะซัพพอร์ต ในระยะ
เวลาเท่าไหร่ นี่คือ 2 แฟกเตอร์ที่เราต้องเจรจากับลูกค้า
ในฐานะผู้ขายเราก็อยากช่วยเหลือผู้ซื้อ แต่ทางเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปขึ้นราคากับทางฝั่งลูกค้าบ้านเขาได้แค่ไหน ถ้าแพงขึ้นคนก็ไม่กิน ก็จะกระทบมาถึงเรา เขาก็สั่งซื้อน้อยลง
อันนี้มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เป็นความจริงว่าของมันแพงขึ้นผู้บริโภคก็กินน้อยลง แต่อย่าลืมว่าทางบริษัทเรามี R&D ที่เข้มแข็ง จริงๆ ผมมีสินค้าที่พร้อมแล้ว คือ เมื่อคุณกินตัวนี้ไม่ได้เพราะมันแพง ผมมีตัวอื่นให้กิน รสชาติใกล้เคียงกัน ราคาถูกกว่า ผมก็เตรียมไว้เป็นทางออกอีกทางว่าคุณจะเอาไหม สมมุติลูกค้าซื้อสินค้าอย่างนี้ 10 คนที่ราคาเดิม พอราคามันขึ้นไปคนกินเหลืออีก 8 คน 2 คนมันหายไปเพราะ 2 คนไม่มีเงินจ่ายในราคาเดิมได้ ถ้าผมบอกว่าแทนที่จะเสีย 2 คนนี้ไป ผมมีสินค้าอีกตัวหนึ่งรสชาติเหมือนกับของตัวนี้เลยทุกอย่าง ใกล้เคียงกันมาก ขายราคาเดิม จะดึง 2 คนนั้นกลับมาซื้อได้ไหม อันนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เราจะให้กับลูกค้า เรามีความสามารถในการพัฒนาสินค้าที่เหมาะสมกับตลาดแล้วก็ใช้ตรงนั้นทำแล้วก็เข้าไปขาย แต่มันต้องใช้เวลาเสนอนิดนึง ผมก็กำลังเสนออยู่
คาดหวังแค่ไหนกับทีมเจรจาจากไทย คิดว่าผลที่ออกมาจะดีกับธุรกิจเราขนาดไหน
เราคาดหวังแน่นอน นักธุรกิจทุกท่านคาดหวังว่าเราไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เราต้องการให้กลับไปที่เดิม ชีวิตกำลังแฮปปี้อยู่แล้ว อยู่ดีๆ ก็มาเป็นอย่างนี้ซึ่งทำให้การทำงานลำบากขึ้น อย่างน้อยก็ขอให้เจรจาแล้วให้เราเสียภาษีน้อยที่สุดแล้วกัน อย่าเสียภาษีมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านของเราซึ่งเป็นคู่แข่งกับเราอยู่ เพราะเพื่อนบ้านเราก็ผลิตกันได้เยอะเหมือนกัน เพราะภูมิอากาศคล้ายๆ กับเรา เขาก็ผลิตเหมือนเราได้ แต่ถ้าเราไปเจรจาแล้วเราได้ผลลัพธ์กลับมาแย่กว่าประเทศเพื่อนบ้านก็ทำให้สินค้าเราแพงขึ้นกว่าเพื่อนบ้าน เราก็จะแข่งกับเขาไม่ได้
เท่าที่ดูคือคู่แข่งของเราเจอภาษีน้อยกว่าเราด้วยใช่ไหม
คู่แข่งของเราตอนนี้ที่เห็นๆ อย่างผมผลิตผลไม้ คู่แข่งของเราก็จะมีเวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ แล้วก็เราส่งผลไม้อบแห้ง Tropical เข้าสหรัฐแล้วก็เห็นว่าเวียดนามเขาโดนมาสูงเยอะกว่าเรา ตอนนี้มันเท่ากันหมด 10% ทั้ง 4 ประเทศนี้ แต่เวียดนามก็สูง กัมพูชาสูงที่สุด แล้วฟิลิปปินส์ได้เปรียบเรา แต่เวียดนามเขาเร็ว พอประกาศขึ้นภาษีก็มีทีมงานไปเจรจาทันที ก็กลัวเวียดนามเพราะเขาเป็นประเทศที่ฉวยโอกาสเก่ง เขาเร็ว เขาเจรจาแล้วภาษีเขาอาจจะเหลือน้อยกว่าเราได้เพราะคนเวียดนามอยู่ที่อเมริกาก็เยอะ แต่ถ้ายังเป็นทำนองนี้แล้วก็จะเป็นฟิลิปปินส์ที่จะเป็นผู้แข่งของเราในระยะช่วงสั้น
เรียกว่าหนักอกหนักใจพอได้เลยใช่ไหม
ก็ยังใจชื้นอยู่ตรง Factor นี้ยังมีคู่แข่งไม่มาก เพียงแต่คนเวียดนามเขาเร็วกว่าเรา ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาคิดอะไรเร็ว ประเทศเขาถึงพัฒนาได้ เขาคิดเร็วทำเร็ว แล้วคนเวียดนามอยู่ที่อเมริกาเยอะ อพยพไปที่นั่นเยอะ
ความคาดหวัง ความคาดหมายของเราว่าทีมเจรจาไปแล้วจะได้กดภาษีลงมาให้ไม่ถึง 36% แล้วก็ไม่มากไปกว่าประเทศคู่แข่งด้วย แต่ถ้าสมมุติมันออกไปในทางลบ เราจะต้องปรับตัวกันอย่างไร
อันนี้เป็นแผนระยะยาว ระยะยาวแบบสั้นๆ คือ ระยะกลางนิดนึงก็จะมีสินค้าที่รสชาติใกล้เคียงกันไปทดแทน แต่ก็ต้องใช้เวลาในการอนุมัติ ใช้เวลาที่ฝ่ายการตลาดเขาจะอนุมัติว่าสินค้าตัวนี้เข้าห้างได้ เราก็ใช้เป็นฐานระยะกลาง ส่วนฐานระยะยาวคือเราต้องเริ่มไปมองว่ามีประเทศไหนที่จะเป็นฐานการผลิตให้กับเราได้ ที่เสียภาษีไม่เยอะและเข้าอเมริกาได้ ฟิลิปปินส์ถึงแม้เสีย 17% แต่เขามีวัตถุดิบไม่มาก ประเทศเขาเป็นเกาะ ก็ไม่ใช่ประเทศเกษตรกรรม ประเทศอื่นๆ ในละแวกนี้ที่เสียภาษีน้อยกว่าเราก็มีเยอะ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย พวกนี้ที่เขาเสียภาษีน้อยกว่าเรา เขามีวัตถุดิบใกล้เคียงกับเรา พวกนี้ก็เป็นแหล่งที่ไม่แย่ที่จะไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตแล้วก็ใช้ประเทศเขาเป็นฐานส่งออกถ้าเสียภาษีน้อย ถ้าจะเป็นฐานระยะยาวเราต้องศึกษาต่อไป
ก่อนทีมไทยแลนด์จะเดินทางไปเจรจา เขาก็พูดว่าหนทางที่จะเจรจาส่วนหนึ่งคือเขามองว่าไทยเราเก่งในการผลิตเพื่อส่งออก เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมอย่างของเจริญอุตสาหกรรม คือเป็นผู้ผลิตแล้วก็ส่งออกมาเหมือนกัน แล้วก็จะนําเข้าสินค้าจากอเมริกาเข้ามาเพื่อผลิต ในส่วนของธุรกิจอาหารกระป๋องผลไม้ แปรรูปกระป๋องอะไรต่างๆ มองอย่างไรจะได้รับผลกระทบในแง่ลบหรือเป็นตัวช่วยมากกว่ากัน
ผมยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่ เพราะสินค้าเกษตรจากสหรัฐอเมริกาตัวที่ผมใช้ ผมไม่ใช้พวกถั่วเหลือง ไม่ใช้อะไรพวกนั้น อย่างมะม่วงอเมริกาก็ไม่มี ถ้าผมไปนำเข้าสตรอว์เบอร์รีจากอเมริกามาเมืองไทยค่าขนส่งมันก็สูง แล้วสตรอว์เบอร์รีจริงๆ แถวๆ นี้ก็มีแล้ว เราสั่งเข้ามาแล้วเราผลิตไปก็ได้ ถ้าไปนำวัตถุดิบจากอเมริกากลับเข้ามาแล้วก็ผลิตส่งออกไปอเมริกาอีกทีแล้วไม่เสียภาษีนำเข้าที่นู่น อันนี้ก็ลองเจรจาก่อน แล้วดูเงื่อนไขว่ามันจะพิสูจน์กันยังไงว่าสินค้าที่นำเข้ามา วัตถุดิบที่นำเข้ามาแล้วเพื่อผลิตแล้วส่งกลับไปอเมริกามันมีเงื่อนไขอะไรบ้าง อันนี้ก็ต้องรอไปก่อน
แต่มีอีกบางส่วนอย่างเช่นประเทศจีนเขาก็ส่งผลไม้อบแห้ง ไปที่อเมริกาเยอะ แต่ตอนนี้เขาก็โดนภาษีเข้าไป เขาก็ผลิตไม่ได้ ถึงแม้เขาผลิตได้ คนอเมริกาเองก็เริ่มแอนตี้ ซึ่งผลไม้พวกสตรอว์เบอร์รี เชอร์รี กีวี แอปเปิล ทางเราไม่มีวัตถุดิบเยอะ มีแค่พอกินนิดๆ หน่อยๆ บลูเบอร์รีใครจะผลิตให้เขาได้ พวกนี้อาจจะใช้ได้โดยการที่เรานำเข้าวัตถุดิบมาจากประเทศอื่น อาจจะนำเข้ามาจากออสเตรเลียซึ่งมันใกล้กว่า หรือนำเข้าจากจีนแล้วมาผลิตที่เราแล้วก็ส่งออก
นอกจากเรื่องของภาษีที่เราไปเจอแล้วอย่างน้อย 10% แล้วก็ไม่รู้ว่าจะโดนอีกสักเท่าไหร่ ถ้าไปสูงสุดก็ 36% แต่ทีนี้มาเจอเรื่องเงินบาทอีก ค่าเงินบาทตอนนี้ก็แข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ก็ยิ่งกระทบเข้าไปอีก
ใช่ อันนี้ผมก็คุยกับลูกค้าอยู่ด้วยว่าตอนนี้ผมช่วยคุณ แต่ค่าเงินบาทก็ดันแข็งขึ้นมาอีก แต่มันก็ต้องช่วยกันในระยะนี้ แต่มันก็ยังไม่แข็งเกินไปกว่าที่เรา Expect คือ ผมก็คาดอยู่แล้วว่ามันจะแข็งประมาณนี้ แล้วเวลาผมคิดต้นทุนผมก็คิดเผื่อไปแล้ว คือไม่เกินที่ผม Expect แล้วก็มีการซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงินบางส่วนด้วย
ในอนาคตหมายถึงว่าเลย 90 วันไปแล้ว มีการพูดกันว่าอุตสาหกรรมไทย โรงงานต่างๆ อาจจะต้องลดจำนวนคนงาน มองว่าถึงขั้นนั้นแล้วไหม
ถ้าออร์เดอร์เราลด เรื่องนี้ก็เป็นแผนที่เราจะทำ เราก็ถามว่าถ้า Worst Case ก็คุยกับโรงงานถ้า Worst Case คือเดือนพฤษภาคมไปจนถึงปลายปี ออร์เดอร์อเมริกาถูกยกเลิกหมด เราจะอยู่รอดได้ยังไง ก็คงต้องมีการเลย์ออฟอันนั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ฟังแล้วยังสบายใจว่ายังหัวเราะได้กันอยู่
คือหัวเราะได้เพราะเรามีทางออก เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วเราก็รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร แต่ถ้าเรานึกไม่ออกจะหัวเราะไม่ออก เราคิดไว้หมดแล้วเราเลยหัวเราะได้ เพราะถ้าเกิดอย่างนี้เรามีทางอย่างนี้ เกิดอย่างนี้เกิดขึ้นเรามีทางอย่างนี้ไป แผนรับมือเรามีพร้อม แล้วเราก็ทำงานต่อไปได้ เพียงแต่ปีนี้อาจจะไม่ร่ำรวยเหมือนปีที่แล้วแต่เราก็ยังมีข้าวกินไปเรื่อยๆ ยังไปได้เรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์มันจะดีขึ้น ดีกว่าไม่มีข้าวกิน
รอบนี้ถือว่าเราเจอหนักที่สุด ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ตอนซับไพรม์ ตอนโควิดก็ยังไม่หนักเท่านี้ใช่ไหม
ไม่หนัก คือต้องบอกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งไม่ได้เป็นผลเสียต่อบริษัทผม เพราะเป็นบริษัทส่งออก พอเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเงินบาทวิ่งไป 50 บาทเลย พวกส่งออกจะได้เปรียบ วิกฤตซับไพรม์ก็เหมือนกันที่ผมได้กำไรจากค่าเงินบาท โควิดอาจจะมีปัญหานิดหน่อยเพราะผู้บริโภคเขาก็ไม่ค่อยบริโภค ก็มีผลกระทบบ้าง แต่เรื่องภาษีจะหนักสุดเพราะโดนตรงๆ เลย แต่ก็จะเร็วไปที่จะบอกว่าจะกระทบเราเท่าไหร่เพราะมันเพิ่งโดนไม่กี่วัน
บริษัทอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันกับเจริญอุตสาหกรรม พวกเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจในไทยด้วยกัน เขาเอาอยู่แบบเจริญอุตสาหกรรมไหม จะมีแผนรองรับเหมือนเราไหม
ผมคุยกับคนในธุรกิจบางคนแต่ก็ไม่ทุกคน เขาก็มีคล้ายๆ ผม ผมก็คุยกันปรึกษาว่าคุณทำได้ยังไง คุณทำยังไง ไม่ใช่ผมทำอยู่คนเดียว คุณทำยังไงบ้าง ช่วยกันดีกว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาคุณคนเดียว เป็นปัญหาทั้งชาติเลย เรามาคุยกันว่าเราจะทำยังไงดี เขาบอกก็ทำคล้ายๆ ผม แต่สินค้าใหม่ที่ว่าจะมาทดแทนสินค้าเดิมก็อาจจะไม่มีอย่างผม แต่อย่างอื่นเขาก็พอมี
ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีการบาดเจ็บล้มตายกัน ไม่ถึงขั้นนั้น
ถ้าเป็นบริษัทที่ระดับใหญ่อย่างที่ผมเป็นแบบนี้ ระดับที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแบบขายกันล็อตใหญ่ๆ หน่อย คงไม่ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย แต่ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ ซึ่งสายป่านเขาไม่ยาวผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปได้ไหม เพราะถ้าเป็นเรา...เรา Subsidize ได้ก็ช่วยกันกับลูกค้าในการจ่ายภาษี 10% ลูกค้าจะจ่ายมากี่เปอร์เซ็นต์ ผมจ่ายบางส่วนช่วยเขา หมายความว่าวัดสายป่านแล้ว พวกบริษัทเล็กๆ เขามีสายป่านจะจ่ายได้เท่าไหร่ ถ้าเขาล้มหายตายจากไปก่อน เงินเขาหมดก่อน เขาต้องขึ้นราคา อาจจะโดนพวกผมซึ่งซับพอร์ตอยู่เข้าไปแทนที่ พอเข้าไปแทนที่ก็ขายไม่ได้ พวกผมมีสายป่านก็ Subsidize ได้ ถ้าพวกเล็กๆ เขาไม่มีสายป่านพอ เขาอั้นไม่ไหว เขาต้องขึ้นราคาแล้ว แต่ผมยังยืนราคาอยู่ ผมก็แทนที่เขาได้ พอแทนที่ เขาก็ไม่มีลูกค้า เขาก็อยู่ไม่ได้แล้วเงินเก็บก็หมด ถ้าเอาเงินเก็บมา subsidize เสร็จ เขาไปไม่ได้แล้ว เงินเก็บหมดแล้ว ต้องขึ้นราคา ผมเข้าไปแทนที่
อุตสาหกรรมประเภทนี้โรงงานเล็กๆ เยอะไหม
ก็มี แต่ผมก็ไม่รู้จะประเมินยังไง แต่ก็มีร้านเล็กๆ พวกอุตสาหกรรมเล็กๆ ก็มี Supply อยู่
แต่พวกอุตสาหกรรมเล็กๆ ขายในประเทศเป็นหลักมากกว่าส่งออกใช่ไหม
ใช่ ขายในประเทศเป็นหลักก็จริง แต่ว่าบางส่วนคือขายไปรวมๆ กันเพราะจะมีผู้ส่งออกคนหนึ่งที่ซื้อจากผู้ผลิตรายเล็กๆ ไปรวมแล้วก็ส่งออก พอเป็นอย่างนี้คนที่รวมสามารถซัพพอร์ตเองได้ มันก็จบไป โรงงานผลิตในประเทศก็ไม่กระทบ แต่ถ้าเขาซัพพอร์ตไม่ได้เขาอาจจะมาขอโรงงานเล็กๆ ว่าต้องช่วยผม ไม่อย่างนั้นผมก็ขายต่อไม่ได้
ในส่วนของเจริญอุตสาหกรรมมีการตั้งเป้าหมายแผนธุรกิจสำหรับปีนี้อย่างไร ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ทั้งปีประเมินไว้แค่ไหน
ก็เรายังไม่ได้ขยับอะไร เรายังยืนแผนธุรกิจเดิม ปีนี้เราก็ใช้แผนธุรกิจตามที่เราประกาศมาที่ต้นปี มันเร็วไปที่จะเริ่ม Devaluate แล้วเริ่มเปลี่ยนทันทีเพราะก็ยังพอไปได้อยู่ แล้วก็มีแผนรองรับสถานการณ์ไว้หมดแล้ว การปรับแผนธุรกิจตอนนี้มันอาจจะทำให้เราเสียโอกาสไปเลยก็ได้ เพราะยังเจรจากันอยู่ เรายังไม่เห็นทีมเจรจากลับมาเลย เราจะปรับก่อนไหมยอดขายเหลือ 1,000 ล้านแล้วก็เริ่มลดการผลิตเลย์ออฟคน แล้วถ้าเกิดเจรจาสำเร็จ ตอนนี้ลูกค้าก็ไม่ได้ยกเลิกออร์เดอร์ ก็ยังเร็วเกินไปก็รอก่อนก็ได้แล้วก็ผลิตไปก่อนก็ได้ พอเราผลิตไปเสร็จแล้วการเจรจามันไม่สําเร็จ ผมเข้าไปหยุดการผลิตหรือชะลอการผลิต ลดกําลังการผลิตที่ไตรมาสหลังๆ ก็ได้ แต่ถ้าผมมาลดตั้งแต่วันนี้ถ้าเจรจาสำเร็จผมก็แย่เลย ระหว่างที่เขาเจรจากันอยู่ผมก็เดินหน้าไปตามแผนเดิม สมมุติถ้าเจรจาไม่สำเร็จผมค่อยไปลดการผลิตเยอะๆ ในครึ่งปีหลังก็ได้เหมือนกัน ก็ชดเชยกันได้






Comments