Libra VS Digital Yuan...สมรภูมิใหม่ของสงครามค่าเงิน

Currency War ระหว่างสหรัฐกับจีนขยายแนวรบอีกด้าน จากการรบด้วยค่าเงิน เคลื่อนไปสู่สมรภูมิเงินดิจิทัล โดยเอกชนเป็นแนวหน้า Microsoft Inc.ดัน Libra ให้เกิดใหม่อีกครั้ง สู้กับ Digital Yuan ที่ใช้เร่งรีบใช้เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 จากเงินกระดาษและเหรียญ

แม้ลิบราจะเริ่มโครงการมาก่อน แต่เกิดแตกคอกับหุ้นส่วนโครงการ ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องฉายเดี่ยว ทำท่าจะไปไม่รอด จนล่าสุดปฏิรูปลิบราเป็น Libra 2.0 ขณะที่จีนเตรียมออกดิจิทัลหยวน เพื่อก้าวสู่โลกเงินตราดิจิทัล

แต่เพราะเกิดไวรัส COVID-19 ขึ้นมา ทำให้จีนเร่งรุดดิจิทัลหยวนก่อนเวลาอันควร ทั้งๆ ที่เตรียมรณรงค์ราวปลายปี ขณะที่ลิบรา เตรียมงานไว้ออกสู่ตลาดเดือนสิงหาคม

รัฐบาลจีนประกาศ เตรียมจ่ายเงินเดือนข้าราชการทั้งประเทศเป็นเงินดิจิทัลหยวน

ซูโจ เป็นเมืองนำร่องโดยจะเริ่มจ่ายเงินเดือนข้าราชการของเมืองเป็นเงินกระดาษ 50% อีก 50% เป็นหยวนดิจิทัลโดยกำหนดไว้เดือนหน้า หากมีความพร้อม

เหตุผลที่จีนรีบออกใช้เงินดิจิทัลก็เพราะความหวั่นเกรงว่า เชื้อระบาดไวรัสโคโรนาจะยังไม่หมดไป เห็นได้จากขณะนี้เกิดการระบาด 2nd Wave อีกระลอก ทั้งจากคนไข้ที่รักษาหายแล้ว กลับมาเป็นใหม่

ทั้งนี้เพราะเชื้ออาจจะยังตกค้างอยู่ในคนที่หาย และในคนที่ติดเชื้อแต่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ทำให้ไม่ปรากฏอาการ เมื่อเปิดเมือง คนแข็งแรงออกมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ โดยไม่รู้ว่าตนเป็นผู้ติดเชื้อ ก็อาจกลายเป็นพาหะนำเชื้อไปติดคนอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีคนจีนกลับจากต่างประเทศและชาวต่างชาติที่มาจากประเทศเสี่ยง นำเชื้อเข้ามาระบาดอีก...สื่อแพร่เชื้อที่สำคัญนอกจากการสัมผัสคนติดเชื้อคนต่อคนแล้ว ตัวกลางแพร่เชื้ออีกตัวก็คือธนบัตรและเหรียญ

รัฐบาลโดยธนาคารกลางของจีนเตรียมจะออกดิจิทัลหยวนอยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสนำดิจิทัลหยวนออกมาใช้ก่อนกำหนดเสียเลย หวังประโยชน์ 2 ด้านคือ ด้านหนึ่งป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือเชื้อโรคอื่นๆ จากการสัมผัสเงินกระดาษและเหรียญโลหะ

เชื่อกันว่า นอกจากเนื้อสัตว์ป่าที่มีขายกันในตลาดสดเมืองอู่ฮั๋นแล้ว การจับจ่ายซื้อหาและการรับเงินทอนจากมือพ่อค้าแม่ค้าที่สัมผัสเนื้อและเลือดสัตว์ป่า ก็เป็นตัวการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 สู่ชาวเมืองอู่ฮั่นและแพร่ไปทั้งประเทศจีนด้วย

อีกด้านหนึ่ง การใช้เงินดิจิทัล ราว 50% จะทำให้ภาระในการพิมพ์เงินกระดาษและเหรียญหยวน รวมถึงการเผาทำลายเงินเก่าที่ชำรุด สกปรก ทำให้ประหยัดรายจ่ายด้านนี้ปีละหลายพันล้านหยวน

ทั้งนี้ ยังรวมถึงระยะเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนมือเงินตราที่รวดเร็วและประหยัดด้วยระบบออนไลน์อีกด้วย ส่วนลิบรา ยังคงปรับสภาพไม่ลงตัว ทั้งนี้เพราะเป้าหมายคือการสร้างเสถียรภาพในค่าเงินและการสร้างบล็อกเชนหรือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุด

การสร้างเสถียรภาพเงินดิจิทัลของลิบราก็คือการให้ธนาคารกลางต่างๆ หนุนค่าเงินลิบรา ซึ่งขณะนี้ได้เงินตรา 4 สกุลมาค้ำคือดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์อังกฤษ และสิงคโปร์ดอลลาร์ เป็น LibraUSD, LibraEUR, LibraGBP และ LibraSGD และเพื่อให้ดูว่าเป็นเงินจากรัฐบาลไม่ต่างจากดอลลาร์ ลิบราได้เปลี่ยนการหมุนเวียนในลักษณะ Network ที่เรียกว่า Libra Network ที่เป็น node คือดูแลกันเอง....เป็นการให้หน่วยงานของแต่ละรัฐบาลดูแลทั้งระบบและการจัดเก็บ (VASPs) เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

บาทไทยก็ได้รับการเชิญชวนเข้าร่วมขบวนด้วยในฐานะที่เป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูง

ในรูปการณ์นี้แต่ละธนาคารกลางที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถออกเงินตราดิจิทัลของตนได้ในลักษณะเงินตราสกุลเดี่ยว (single-currency) เป็นเงินเหรียญที่มีเสถียรภาพหรือ Stablecoins ใช้กันได้ทั่วโลก

แล้วหยวนล่ะ จะถูกโดดเดี่ยวเลยหรือ ? คงต้องดูกันต่อไปในภายภาคหน้า เพราะซีรีส์นี้ยาว ไม่จบกันง่ายๆ