Interview: คุณนิยต มาศะวิสุทธิ์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM)
หวั่น...สารพัดปัญหารุมเร้า กระทุ้ง NPL เพิ่ม SAM เดินหน้า ‘คลินิกแก้หนี้’ เฟส 3 เพิ่มขอบเขตช่วยเจรจาเคลียร์หนี้สำหรับลูกค้าที่ถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือมีคำพิพากษาแล้ว หลักการคือล้างดอกเบี้ยเก่า คิดแค่ดอกเบี้ยใหม่ ลดยอดผ่อนชำระจากหลักหมื่นบาทต่อเดือนเหลือแค่หลักพันบาท หลังเข้าโครงการ ‘คลินิกแก้หนี้’ ประวัติจะโชว์ในเครดิตบูโรว่าได้รับการแก้ปัญหา เครดิตการเงินจะดีขึ้น แนะ...หลังปรับปรุงหนี้ ต้องมีวินัยทางการเงิน ไม่ก่อหนี้เพิ่ม และเริ่มเก็บออมแบบค่อยเป็นค่อยไป ย้ำ...ใครมีหนี้ ต้องตั้งใจแก้ปัญหา ขอเจรจากับเจ้าหนี้ อย่าหนี อย่าหลบ เพราะทุกปัญหาแก้ไขได้
ตอนนี้คนเป็นหนี้มีการตื่นตัวกันที่จะแก้ปัญหาหนี้
เรามีโครงการช่วยเหลือเฟสที่สาม เพิ่งออกไป คราวนี้เราช่วยกับคนได้เยอะมากขึ้นอีก คือเดิมถ้าเป็นคดีแล้วเราก็จะช่วยไม่ได้ แต่วันนี้ช่วยได้ จึงมีคนติดต่อเข้ามาหาเราเยอะมาก เปิดทำงานวันเสาร์อาทิตย์ก็มีคนเข้ามาเยอะมาก
เฟส 3 ช่วยอะไรบ้าง
หลักๆ แล้ว เดิมเรามีให้แค่คนที่เป็นหนี้ก่อนปี 2561 แต่ตอนนี้เราเปิดให้คำปรึกษาคนที่เป็นหนี้ก่อนมกราคม 2563 เป็นหนี้เสีย หมายถึงไม่ได้ผ่อนเลยอย่างน้อย 3 งวด ตั้งแต่กันยายน ปี 2562 กลุ่มนี้ก็รีบเข้ามาคุยกับเราเลย แล้วเพิ่มอีกสำหรับบางกลุ่มที่โดนดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งได้รับคำพิพากษาไปแล้ว กลุ่มนี้ก็ช่วยได้ ยังสามารถเข้าโครงการได้อยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็อยากจะช่วยเหลือคนที่มีปัญหา โดยที่การช่วยเหลือของเราต้องบอกว่าเดิมคนมีหนี้แสนนึงอาจจะผ่อนเดือนละหมื่น แต่ถ้าที่นี่หนี้แสนนึงผ่อนเดือนละ 1,200 บาท ความสามารถของคนที่จะผ่อนทำได้ ส่วนตัวเชื่อว่ามา 100 แทบจะ 100 คือผ่อนได้หมด
ส่วนใหญ่คือหนี้บัตรเครดิตใช่ไหม
เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ปัจจุบันเสียดอกเบี้ย 18% บ้างกว่า 20% บ้าง
สามารถรวมหนี้บัตรหลายๆ ใบได้หรือไม่
ตรงนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักเลยที่เราต้องการช่วยคน เดิมคนที่มีหลายบัตรต้องไปคุยแต่ละสถาบัน คือคุยไม่จบ เพราะแต่ละแห่งมีความต้องการไม่เหมือนกัน มาตรฐานเงื่อนไขไม่เหมือนกัน เราเองถือเป็นวัน สต็อป เซอร์วิส มาที่ SAM เราจะรวมหนี้ทุกบัตร แล้วมาเคลียร์ที่นี่ เมื่อเราตกลงได้ก็สรุปจ่ายเงินที่ SAM แล้ว SAM ก็จ่ายเงินให้เจ้าหนี้รายอื่น เป็นการทำให้ความสะดวกกับลูกค้าอย่างดีมากเลย
ถ้าตกลงได้แล้วคิดดอกเบี้ยอย่างไร หรือไม่ต้องเสียเลย ปลอดดอกเบี้ย
สิ่งที่เรายกให้คือเรื่องดอกเบี้ยเก่าที่ค้างอยู่ เราให้ผ่อนเท่ากับเงินต้น แล้วคิดดอกเบี้ยใหม่น้อยมากคือ 4-7% ถ้าคนมีรายได้เยอะหน่อย ก็เสียดอกเบี้ยมากหน่อย แต่คนส่วนใหญ่เสียดอกเบี้ย 4% เท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรตที่ผ่อนปรนมาก และเนื่องจากเราให้เรตที่ผ่อนปรนมากไปแล้ว เลยไม่อยากจะให้ใครมีหนี้เพิ่ม เลยขอว่าอย่าไปก่อหนี้ใหม่ในช่วง 5 ปีแรก เราให้ผ่อนถึง 10 ปีเลย ซึ่งในช่วง 5 ปีแรก อย่าไปขอสินเชื่อเพิ่มก็แล้วกัน
พวกที่เข้าโปรแกรมแล้ว ประวัติเขาจะไปปรากฏในเครดิตบูโรอย่างไร
จะมีเครื่องหมายไว้ว่าท่านได้เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ ก็จะรู้ว่าคนนี้ได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว ประวัติก็จะดีขึ้นแล้ว ซึ่งคนที่จะปล่อยหนี้ใหม่ก็จะได้เห็น เพราะตอนนี้เรามีเครือข่ายอยู่ประมาณ 35 แห่ง เขาก็จะเห็นแล้วว่าคนนี้เข้าเงื่อนไขคลินิกแก้หนี้ เขาคงจะไม่ปล่อยบัตรใหม่ให้ แต่บัตรเดิมใช้ได้ ขอแค่ไม่ให้มีบัตรใหม่เท่านั้นเอง
แล้วลูกหนี้จะอยู่ไหวไหม เพราะเดิมหมุนจากบัตรใบหนึ่งไปใช้หนี้อีกใบหนึ่ง
ต้องมองอย่างนี้ คือเดิมผ่อนเดือนละหมื่นบาท ตอนนี้เหลือเดือนละพันกว่าบาท เขาจึงมีเงินเหลือ หรือบางคนอาจจะมีหนี้นอกระบบ สิ่งที่อยากเห็นคือแบ่งมาออมหน่อยก็ดี มองภาพคือมีความสามารถเพิ่ม ทางเรานอกจากจะให้ความรู้ทางการเงินแล้วยังเพิ่มเข้าไปว่าถ้าเหลือก็เอามาออมบ้าง หนี้ก็จะลดลง และคุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น
สมมุติเข้าคลินิกแก้หนี้แล้ว เขาจะไปซื้อโปร 0% อะไรอย่างอื่นได้ไหม
โปร 0% ภายใต้บัตรเดิมที่ยังไม่ได้ปิดถือว่าใช้ได้ สมมุติว่ามี 4 บัตร 3 บัตรปรับโครงสร้าง คงไม่ได้ แต่อีก 1 บัตรที่ใช้ปกติ บัตรนี้ยังใช้ได้
เสาร์-อาทิตย์ที่ SAM เปิดคลินิกแก้หนี้ เปิดที่ไหนบ้าง กี่โมง
เนื่องจากว่าการที่เราจะพิจารณาโครงการนี้ได้ เราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเครดิต เพราะฉะนั้นเราก็เลยจะไปที่ที่สามารถไปเอาข้อมูลเครดิตได้ง่าย ดีที่สุด เราประชาสัมพันธ์บอกว่าคนที่ได้ยินเรื่องโครงการนี้แล้ว ก็มาพร้อมกับข้อมูลเครดิตจะดีที่สุด คือหาข้อมูลมาก่อน ขอจากแบงก์ ขอจากบริษัทข้อมูลเครดิตไว้ก่อน แล้วถือตัวนี้เข้ามาคุยกับเรา จะได้จบเลยทีเดียว ที่เราเปิดก็คือตรงรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ฯ ที่มีข้อมูลเครดิตอยู่ตรงนั้น และที่สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าที่สมาคมเราไม่ได้เปิดทุกอาทิตย์ อยากให้ติดตามผ่านทางช่องทางเฟซบุ๊กคลินิกแก้หนี้ หรือทางไลน์ จะได้อัปเดตตลอดว่าอาทิตย์นี้เราจะไปที่ไหนบ้าง คือเราจะมีทั้งกรุงเทพฯ สี่มุมเมือง เวสต์เกต เมกาบางนา ที่อนุสาวรีย์ฯ ส่วนที่ต่างจังหวัดเราเพิ่งไปโคราชมา แล้วก็จะไปทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงนี้อยากจะให้ติดตามทางเฟซบุ๊ก จะมีข้อมูลตรงนี้อยู่ คือไปที่คลินิกแก้หนี้ได้เลย
ในส่วนของ SAM การเจรจาประนอมหนี้ทั้งหลาย ยากลำบากขึ้นหรือไม่
อาจจะไม่ใช่ยากหรือลำบากมากขึ้น แต่ส่วนตัวเห็นว่าคนก็ยังมีจิตใจที่อยากจะแก้ไขหนี้ทุกคน แต่รูปแบบการแก้ไขหนี้ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่อนชำระมากกว่า เดิมการแก้ไขหนี้ทำได้ 2 แบบง่ายๆ คือไปขายพวกทรัพย์สินแล้วเอาเงินทั้งก้อนไปชำระหนี้ และให้ผ่อนชำระไป ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ขอผ่อนชำระไปก่อน คือการขายคงไม่ได้ง่ายนัก เพราะสภาพคล่องทางอสังหาริมทรัพย์อาจจะไม่ค่อยสูงมาก ก็เลยเป็นปัจจัยหนึ่ง เลยขอผ่อนไปก่อน ตรงนี้เราก็ยินดี ถ้าถามว่ามีการปรับโครงสร้างหนี้ยากไหม มองว่ายังปรับได้เหมือนเดิม แต่เงื่อนไขจะเป็นการผ่อนชำระมากขึ้น
ตอนนี้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจซ้อนๆ กันเข้ามา ประเมินสถานการณ์นี้อย่างไร
มองว่าตอนนี้มีโอกาสที่ตัวเลขเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินจะเพิ่มขึ้น ส่วนตัวมั่นใจว่าเพิ่มขึ้นแน่ แต่จะเพิ่มมากน้อยขนาดไหนยังบอกไม่ได้ จากสิ่งที่เราเห็นเชื่อว่ามันเพิ่มขึ้น และสิ่งที่เราเตรียมคือรองรับที่จะไปซื้อหนี้เพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน เรามีความเชี่ยวชาญมา 20 ปี เราก็เชื่อว่าถ้าซื้อเขามา เราจะสามารถช่วยเหลือคนที่เป็นหนี้ได้เต็มที่ ฉะนั้นถ้ามองตอนนี้เอ็นพีแอลคงมีเพิ่มแน่ เข้ามากับเรา เราก็พยายามให้โอกาสแก้ไขปัญหาตามศักยภาพของแต่ละคน
คำแนะนำสำหรับคนมีหนี้ จะบริหารอย่างไรดี
หลักๆ คือไม่ว่าเจ้าหนี้จะเป็นใคร เป็น SAM หรือสถาบันการเงินไหน ขอให้ไปคุยกับเขา อย่ากลัว อย่าหนี ต้องเจรจากับเจ้าหนี้ มีลูกหนี้หลายคนไม่แน่ใจ ไม่กล้าจะเข้าไป ส่วนตัวอยากบอกว่าให้เข้าไปคุยกับเขา บอกความจริงกับเขา ส่วนตัวมั่นใจว่าเจ้าหนี้ทุกๆ คนรับฟังความจริง ถ้าเขาเห็นเจตนาที่เราอยากแก้ไขปัญหา ทุกคนก็ต้องหาวิธีทางออกให้ ฉะนั้นขอให้เข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ การเตรียมตัวบอกเลยว่าไปด้วยเจตนาที่ดี เอาข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้ดูว่าเรามีความสามารถแค่นี้ เชื่อว่าก็จะหาทางออกร่วมกันได้ ส่วนเจ้าหนี้ที่เป็นตลาดมืดจะต้องทำอย่างไรนั้น ส่วนตัวก็คงต้องให้กำลังใจ ให้หาทางปิดให้เร็วที่สุด เนื่องจากดอกเบี้ยจะสูงมาก ซึ่งหลักของการแก้หนี้คือต้องปิดที่ดอกเบี้ยสูงสุดก่อน
コメント