top of page
312345.jpg

ติดดอยบิตคอยน์มีความหวัง...ตลาดคริปโตกลับมาคึกคัก




ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย CEO and Founder at Thai Bitcast ชี้การขยับขึ้นของเหรียญคริปโตต่างๆ ในช่วงนี้ โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่ขึ้นไม่หยุดต่อเนื่องและทดสอบแนว 50,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในรอบกว่า 3 เดือนเป็นเรื่องที่ปกติเป็นไปได้และมีโอกาสไปต่อหลังจากที่ข่าวร้ายต่างๆ จางลง...ย้ำแยกแยะ CDBC เหรียญดิจิทัลที่ธนาคารกลางออกมา อย่างดิจิทัลบาท ไม่สามารถทดแทนเหรียญคริปโตเพราะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน พร้อมแนะศึกษาข้อมูลเหรียญดิจิทัลต่างๆ ที่ออกมาสู่ตลาดก่อนลงทุน


ตอนนี้เป็นข่าวดีของนักลงทุนในตลาดคริปโตฯ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ตลาดกลับมาคึกคัก อย่างบิตคอยน์ ปรับเพิ่มขึ้นมามากจากที่ตกแรงพอสมควรก่อนหน้านี้หลุด 30,000 ดอลลาร์ ขึ้นมา 40,000-50,000 ดอลลาร์ มันจะขึ้นไปได้อีกจนคนที่อยู่ดอยสูงๆ น่าจะเริ่มใจชื้นขึ้นมาได้หรือยัง/หรือว่ายังไม่ได้

มันขึ้นอยู่กับว่ามองตัวบิตคอยน์คืออะไร ถ้ามองว่าเป็นตลาดเก็งกำไรมันก็เป็นอาการแบบนี้ว่าเวลามันขึ้นสูงใจเราพองโต แต่เวลามันตกใจก็ห่อเหี่ยว ผมอยากให้หลายๆ คนมองนอกเหนือราคา คือคุณค่าของตัวมันว่าจริงๆ เกิดมาเพื่ออะไร เอามาทำอะไรมากกว่าที่จะไปสนใจเรื่องราคาอย่างเดียว คือราคามันทำให้เรารู้สึกใจชื้น


มันมีเรื่องราวมากกว่าราคา

จริงๆ เรื่องราวของมันมีมานาน แต่ถ้าจะอธิบายสั้นๆ คงไม่ได้ ส่วนที่ถามว่าช่วงนี้มีอะไรทำไมราคาขึ้นมา ก็ตอบว่า ผมไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มันมีแต่สภาพของตลาดได้รับรู้ถึงข่าวร้ายจนไม่มีอะไรร้ายไปกว่านี้แล้ว จนมันอาจจะ recover ตัวมันเอง

ถ้าเราย้อนดูตั้งแต่ช่วงเมษายนที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์ขึ้นไปจุดสูงสุดที่เหนือกว่า 2 ล้านบาท (กว่า 63,000 ดอลลาร์) แล้วราคาก็ตกลงมา ถ้าดูจากช่วงเวลามันบอบช้ำที่สุด คือมีข่าวร้ายในช่วงเดือนมิถุนายน ช่วงนั้นเป็นราคาที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินและมีข่าวร้ายออกมาเยอะมาก รวมถึงกรณีที่ อีลอน มัสก์ (ที่เคยเชียร์) ออกมาให้ข่าวไม่สนับสนุนโดยบอกว่า แบนบิตคอยน์ที่การขุดทำให้เกิดความสูญเสียพลังงานสูง และจีนยังกวาดล้างเหมืองขุดเหรียญบิตคอยน์ในเมืองจีน จนต้องมีการย้ายฐานการขุดบิตคอยน์ออกจากจีนไปที่อื่น หลังจากนั้นกำลังขุดก็ทยอยเพิ่มขึ้นมาราว 12% ยืนเหนือเส้นเฉลี่ยมาตรฐาน พอที่จะพยุงให้แรงขุดอยู่ในระดับที่ปกติได้แล้วตอนนี้ เท่าที่เห็น ก็มีแค่เรื่องนี้ที่ทำให้บิตคอยน์ปรับขึ้นมา

เหมือนข่าวร้ายๆ ต่างๆ เริ่มจางลง ควันเริ่มจางๆ คนเริ่มกลับเข้ามา แต่จริงๆ ช่วงนี้สถาบันการเงินก็ไล่เก็บอยู่นะ ผมเห็นจากสถานะในรายงานที่วิเคราะห์ตัวกิจกรรมบน block chain


ที่บอกว่ารอบนี้เห็นพวกกลุ่มสถาบันยังไล่เก็บอยู่ ดูแล้วเข้ามาซื้อเยอะกว่าเมื่อตอนต้นปีไหม

ใช่ ยังซื้อเยอะ รูปแบบการซื้อก็เปลี่ยนไป คือ สมัยก่อนต้องซื้อผ่านกองทุนที่ชื่อ Grayscale Investment Trust ตอนหลังเปลี่ยนรูปแบบเพราะมีทางเลือกเยอะขึ้นอย่างแคนาดาเปิด ETF มีทางเลือกซื้อทางอื่นมากขึ้น พรีเมียมที่เคยเกิดขึ้นมันไม่มีแล้วก็ไปซื้อทางอื่นกัน


ที่ว่านักขุดบิตคอยน์ย้ายฐานการขุดจากจีนออกไป เขาย้ายไปที่ไหนกัน

โดยส่วนใหญ่เขาจะมี Certificate ตัวเหมืองไปประเทศที่เอื้อต่อการขุด ก็ไม่แน่ใจว่าไปที่ไหนบ้างแต่ส่วนใหญ่ไปประเทศที่ใช้ต้นทุนราคาถูก สภาพแวดล้อมอากาศเย็นนิดหนึ่ง เพราะเหมืองขุดเหรียญใช้ไฟค่อนข้างเยอะและจะมีต้นทุนเรื่องความร้อน


ตกลงว่า คนที่อยู่ดอยเดิมซื้อบิตคอยน์เอาไว้แถว 60,000 มีโอกาสฟื้นคืนชีพ ได้ลงจากดอยหรือยัง

ถ้าถามคนที่มีความเชื่อมีความมั่นใจว่าจะเป็นแบบนั้น เขาเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว คำตอบออกแนวเดียวอยู่แล้วว่า มันจะขึ้นไปถึงยอดตรงนั้นแน่ เพียงแต่เวลาเท่านั้นว่า ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ อาจจะ 2-4 ปีก็ได้ไม่มีใครรู้ ถ้าเป็นคำตอบสำหรับคนเชื่อก็ประมาณนี้


มาถึงวันนี้รู้สึกว่า ในไทยและต่างประเทศมีการยอมรับเงินเหรียญดิจิทัล ที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลางมากขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ที่ไม่เคยยอมรับ ก็จะออกเหรียญเอง อย่างเฟดก็คิดออกเหรียญ ส่วนจีนก็ออกเหรียญดิจิทัลหยวนไปเรียบร้อย นี่แบงก์ชาติของไทยก็กำลังจะออกเหรียญดิจิทัลบาทออกมาในไตรมาส 2 ปีหน้า คุณศุภกฤษฎ์มองเรื่องนี้ยังไง

ผมมองว่าคนละส่วนกัน เพราะการออกเหรียญของธนาคารกลางเหล่านี้ เกิดขึ้นมาเพื่อทดแทนเงินแบบเดิมไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อแทนเหรียญคริปโตอย่างบิตคอยน์ ต่อให้มีหรือไม่มีเหรียญที่ว่าผมคิดว่าไม่มีสาระไม่มีผลกับบิตคอยน์ เจตนาของบิตคอยน์เกิดมาด้วยเหตุและปัจจัยอย่างหนึ่ง การเกิดมาของ CDBC (Central Bank Digital Currency คือเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ) เพื่อเพิ่มศักยภาพเงินที่เราใช้อยู่อย่างเงินกระดาษ หรือเงินในธนาคารที่ใช้กลไกผ่านอิเล็กทรอนิกส์ คือ CDBC มันไปแทนส่วนนั้น มันไม่ได้เอามาหักล้างกันกับเหรียญคริปโต แต่ในมุมมองกลับกันมันอาจจะดีด้วยซ้ำที่จะทำให้เชื่อมต่อระหว่างตัวเหรียญคริปโตอย่างบิตคอยน์ และ CDBC ได้ง่ายขึ้นในอนาคต

มันไม่ได้เกิดมาเพื่อมาแทน...ปัจจุบันเรามีเงินบาทอยู่แล้วทำไมเราจะต้องใช้ CDBC เพราะมันมี Value Corporation หรือประโยชน์ของมันอย่างหนึ่ง อยู่ที่มนุษย์หรือคนที่ใช้เป็นคนเลือกว่าจะเลือกแบบไหน


ขณะเดียวกัน เราจะเห็นว่าบริษัทห้างร้านเอกชนของไทยเริ่มออกเหรียญของตัวเองมากขึ้น นับจากแรกๆ มีเจคอยน์ ตอนนี้ก็พูดมากขึ้นเรื่องสิริฮับที่กำลังจะออกมา ช่วยแนะนำหน่อยว่าพวกนี้จะสามารถเข้าไปลงทุนได้ดีหรือไม่อย่างไร

อย่างแรกอยากให้มองประโยชน์จริงๆ ที่ได้จากเทคโนโลยีคืออะไร เพราะหลายครั้งมองเทคโนโลยีเหมือนคทาวิเศษ เสกอะไรก็ได้ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ เทคโนโลยีที่ดีไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ราคาหุ้นนั้นสูงขึ้น เราเคยเจอเทคโนโลยีที่ดีๆ อย่างสมัยก่อนที่บริษัททำชิปมีคุณภาพดีมากแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วไป เพราะการใช้งานของเขามีปัญหา สุดท้ายต้องกลับมาดูว่าจริงๆ สิ่งที่เขาทำก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนใช้ในแง่มุมไหนบ้าง แล้วการที่เราเข้าไปถือเหรียญนี้แล้วจะมีส่วนได้ส่วนเสียจากคนใช้นี้อย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีเทคโนโลยีนี้มันได้หรือไม่ คือต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ เพราะบางครั้งการเอาคำของเทคโนโลยีเข้าไปใส่อาจจะเป็นแค่เรื่องของมาร์เก็ตติ้งแคมเปญเท่านั้น แต่โดยเนื้อหาสาระจริงๆ ทำได้อยู่แล้วในเทคโนโลยีเดิม

เราต้องมองให้ออกว่าจริงๆ แล้วสาระจริงๆ คืออะไร อีกอันที่ผมคิดว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยตอบโจทย์อาจจะต้องมองถึงเรื่องคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ เพราะถ้าในสเกลของการใช้ Public Blockchain แล้วถ้าไม่สามารถให้คนทั่วโลกเข้าถึงได้มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จริงในการดำเนินการธุรกิจ เพราะการทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงได้ฐานลูกค้าจะกว้างขึ้นมาก


ถ้าเป็นมือใหม่อยากลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล จะศึกษาได้ที่สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยได้ หรือมีข้อแนะนำให้ศึกษายังไง

คือจริงๆ ในสมาคมเรารวมกันกับหลายๆ สำนัก เรารวมกันตั้งสมาคมนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ถ้าสนใจเข้าไปติดตามที่เว็บสมาคม ได้คือ www.thaidigitalasset.org หรือบริษัทสมาชิกในสมาคม เรามีคอนเทนต์มากมาย เพราะเราอยากให้ความรู้กับคนทั่วๆ ไปว่าเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลนี้คืออะไร เพราะเราจะทำให้อุตสาหกรรมนี้โตอย่างยั่งยืนซึ่งมันต้องประกอบด้วยความรู้



12 views
bottom of page