top of page
369286.jpg

SCBS คาด ไตรมาส 2 ตลาดฟื้นเร็ว...แนะซื้อหุ้น Defensive



SCBS ชี้ ตลาดทำจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนมีนาคม ให้โฟกัสการฟื้นตัวและการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังซมพิษโควิด-19 ซึ่งคาดว่าตลาดจะฟื้นตัวเร็วแต่หลังจากตลาดมีการฟื้นตัวมาพอสมควรแล้วจะส่งผลให้ผลตอบแทนในไตรมาสที่ 2/63 เริ่มจำกัด มั่นใจมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของภาครัฐมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงลงมาก แนะกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสที่ 2/63 ซื้อหุ้น defensive พร้อมให้ระวัง หุ้นน้ำมัน

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา (SET Index ที่ระดับ 1024.46 จุด) ทั้งนี้เฉพาะในเดือน เมษายน 2563 SET Index ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว 13% และ ฟื้นตัวสูงถึง 24% จากจุดต่ำสุด ถือว่าเป็นอัตราการฟื้นตัวที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤต หลังจากที่เคยปรับตัวลดลงแรงถึง 33% จากจุดสูงสุดช่วงกลางเดือนมกราคม 2563 เนื่องจากระดับความเสี่ยงโดยภาพรวมทั่วโลกลดลง โดยเฉพาะต้นเหตุของวิกฤตครั้งนี้คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูบรรเทาลงจากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมีอัตราชะลอตัวลง ในขณะที่จำนวนผู้หายป่วยเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในหลายๆประเทศรวมถึงไทย รวมถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในตลาดการเงิน และความเสี่ยงด้านเครดิต ที่ล้วนปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงเดือน มีนาคม

ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ธนาคารกลางรวมถึงรัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ได้เร่งออกมาตรการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดการเงิน และ ภาคธุรกิจ รวมถึง มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจและประชาชนที่รวดเร็วและมีขนาดของเม็ดเงินที่สูง (มากกว่า 10% ของ GDP) เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ได้มีการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจมาแล้ว 3 ชุด ดังนั้น จึงส่งผลทำให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นและกลับเข้าลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะยังไม่จบ รวมถึงความเสี่ยงต่อเนื่องที่อาจจะตามมาได้อีก เช่น ล่าสุดเกิดขึ้นในตลาดน้ำมันดิบยังคงมีโอกาสกระทบบรรยากาศการลงทุนต่อไป แต่เชื่อว่าด้วยความพร้อมของมาตรการด้านต่างๆ จะทำให้โอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนั้น มีโอกาสน้อยลงจึงเชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะเกิดขึ้น เร็วและแรงเกินไป ทําให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดความผิดหวังถ้าการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องเลื่อนออกไป เพราะเกิดการระบาดระลอกที่สอง

“ดังนั้นเรามองว่ายังเร็วเกินไปที่ SET จะฟื้นตัวกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ใน 2Q-3Q20 เนื่องจากคาดว่ากำไรในปี 2564 จะต่ำกว่าปี 2562 นอกจากนี้กลุ่มอุตสาหกรรมหลายกลุ่มก็เผชิญกับความท้าทายที่จะกลับมาเติบโตในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ด้วย เนื่องจากภาพใหญ่ของประเทศไทยอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและการเติบโตต่ำ และหากพิจารณาจากมูลค่าหุ้นปัจจุบันมีระดับ PER ปี 2020 เท่ากับ 16.8 เท่า หรือเท่ากับระดับ +1SD ของค่า PE เฉลี่ย 7 ปี ก็ถือได้ว่าสะท้อนผลการดำเนินงานของปี 2563 ไปมากแล้ว จึงทำให้เราประเมินว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 2/63 เริ่มจำกัด

แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว เราประเมินเป้าหมายของ SET Index ในปี 2564 ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด”

จากมุมมองดังกล่าว SCBS จึงแนะ ให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ โดยกลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบันยังคงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้น defensive และ คุณภาพสูง

“เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวและอัตราการฟื้นตัวในระยะสั้นยังไม่แน่นอนในสถานการณ์เช่นนี้ แนะนำให้ลงทุนในหุ้น defensive ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งจึงยังคงหุ้น top picks ที่เคยแนะนำไว้ในช่วงต้น ไตรมาสที่ 2/20 คือ BDMS, BEM, BTS, CPF และ MINT

แม้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว แต่เชื่อว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก เนื่องจากการดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในอนาคตอันใกล้นี้


SCBS มีมุมมองระมัดระวังต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และมีความกังวลต่อกลุ่มธนาคารเนื่องจากมีความเสี่ยงด้านกำไรในอนาคตสูง

คาดผลประกอบการฟื้นตัวในรูปแบบตัว U ส่วนตลาดหุ้นเหมือนกำลังฟื้นตัวในรูปแบบตัว V แนะนำเลือกลงทุนกลุ่มที่กำไรสุทธิมีโอกาสฟื้นตัวรูปแบบ V เมื่อประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยกำลังจะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ อย่างน้อยคงทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น หากมีการเริ่มเปิดตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2563 ได้ตามที่คาด”

อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้ว GDP มักจะใช้เวลา 5-7 ไตรมาส ก่อนที่จะกลับคืนมาเติบโตตามปกติ นอกจากนี้การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของ EBITDA ก็จะใช้เวลามากกว่า 3 ไตรมาส ในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังสะท้อนภาพถึงการฟื้นตัวคล้ายในรูปแบบตัว V มากกว่ารูปแบบตัว U ซึ่งเราประเมินว่าการฟื้นตัวในปัจจุบันนั้นยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจจะสร้างแรงกดดันต่อ upside ของตลาดหุ้นไทยในภาพรวม

ดังนั้น ด้วยระดับราคาในปัจจุบัน SCBS แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่เราคาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวในรูปแบบตัว V เช่น การขนส่งทางบกและราง ภาคการผลิต และ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ใช้ความระมัดระวังในธุรกิจที่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวรูปแบบตัว U เช่น ธุรกิจสายการบิน ท่าอากาศยาน โรงแรม และ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยว เพราะต้องใช้ความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงในการเดินทาง

นอกจากนี้ ผลกระทบต่อจิตวิทยาผู้บริโภคก็สะท้อนถึงปัจจัยกดดันระยะกลางต่ออุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ ยานยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากท่ามกลางกำลังซื้อที่ลดลง ความเสี่ยงเรื่องการปรับลดประมาณการกำไรได้มีการสะท้อนผ่านมุมมองของนักวิเคราะห์ไปบ้างแล้ว สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปี 2020 โดยพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดได้มีการปรับลดประมาณการไปบ้างแล้วแต่อาจยังไม่ต่ำสุด

ทั้งนี้ คงต้องรอดูข้อมูลและสถานการณ์ของโควิด-19 ประกอบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ตลาดมีการคาดว่า โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากที่สุดใน ไตรมาส 2/2563 และ ไตรมาส 3/2563 ก่อนที่ผลกระทบจะลดลงในช่วง ไตรมาส 4/2563 สำหรับ มุมมองล่าสุด เราคาดว่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (SET EPS) ปี 2563 จะปรับตัวลดลง 22% YoY โดยหลักๆ เกิดจากยอดขายที่หดตัวลง 16% ทั้งนี้ ตัวเลข SET EPS ปี 2563 ยังต่ำกว่า consensus อยู่ 17% สะท้อนภาพว่าตลาดอาจมีการปรับลดประมาณการได้อีก ตั้งแต่ต้นปี 2563 ประมาณการ SET EPS ปี 2563/2564 ถูกปรับลดลงมาแล้ว 26% และ 18% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ 13% ในปี 22563 และ 8% ในปี 2564 SCBS คาดว่า SET EPS ปี 2564 จะเติบโต 25% จากฐานต่ำในปี 22563 ซึ่งสอดคล้องกับ EPS ของตลาดหุ้นภูมิภาคที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 30% อย่างไรก็ตาม ในแง่มูลค่าของกำไรสุทธิของ SET อาจจะยังไม่ฟื้นตัวกลับคืนสู่ระดับปี 2562 จนกว่าจะถึงปี 2565 สะท้อนภาพการฟื้นตัวที่ยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ ของบางธุรกิจ เช่น ธนาคาร อาหาร อสังหาริมทรัพย์ และ ท่องเที่ยว เป็นต้น ส่วนธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ยังคงต้องประเมินทิศทางของราคาน้ำมันดิบต่อไป

“ความเสี่ยงต่อไปคือความผิดหวังหากการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจช้ากว่าคาด แม้เราเชื่อว่าการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น แต่ระดับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ถือว่าได้มองข้ามผลกระทบของ โควิด-19 ในปี 2563 ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น เราจึงประเมินว่า ตลาดอาจพบกับความผิดหวังในอนาคตบ้าง หากการกลับมาดำเนินธุรกิจไม่ได้เร็วตามที่ตลาดคาดหวังไว้ ทั้งนี้ รวมถึง ความเสี่ยงของการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่ตลาดยังไม่ได้รับรู้เท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่บวก ถ้าประเทศไทย และ ประเทศหลักๆ เช่น สหรัฐฯ จีน และ ยุโรป ไม่ประสบกับการระบาดระลอกที่สองหลังจากกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จะทำให้มุมมองของ SCBS ที่คาดว่า SET Index ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วมีน้ำหนักมากขึ้น”

95 views

Comments


bottom of page