top of page
312345.jpg

Central Bank Digital Currency....เงินบาทในรูปแบบดิจิทัล..รับ New Normal



เงินดิจิทัลแทนที่เงินกระดาษเริ่มก้าวที่สองแล้วเมื่อ e-CNY ใช้ทำธุรกรรมในตลาดซื้อขายล่วงหน้าต้าเหลียน ขณะที่ธนาคารกลางของไทยประกาศทดลองใช้ CBDC ต้นปีหน้า ประจวบเหมาะพฤติกรรมใช้จ่ายกินอยู่ของคนไทยแปรสู่ New Normal ด้วยฤทธิ์โควิด-19 หลังจากกระจายการใช้หยวนดิจิทัลไป 4 นครแล้ว ล่าสุด จีนมีการใช้ชำระค่าธรรมเนียมและบริการซื้อขายล่วงหน้าที่ต้าเหลียนแล้ว

ขณะที่บ้านเรา แบงก์ชาติแจ้งว่าจะเริ่มทดสอบ "โครงการสกุลเงินดิจิทัลเพื่อประชาชนหรือ retail CBDC" โดยจะเริ่มในปีหน้า

CBDC มาจากคำเต็มว่า Central Bank Digital Currency เป็นเงินบาทในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางคือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยประชาชนสามารถนำ CBDC ไปใช้ชำระราคาสินค้าและบริการได้เหมือนเงินสดที่เป็นเงินจับต้องได้อันได้แก่ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ (Fiat Money)...จะเรียกว่า Digital Baht หรือ e-BAHTแบบ e-NYC ของจีน อย่างไร ยังไม่เจาะจง

CBDC จะเริ่มทดลองใช้เดือนเมษายน 2565 ในบางพื้นที่ แบบเดียวกันกับ e-Yaun ที่เริ่มใช้ที่เซินเจินก่อนเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยรัฐบาลจ่ายเป็นเงินเดือนข้าราชการนำไปใช้จ่ายได้แทบทุกแห่งแม้แต่แมคโดนัลด์ ผ่านสำนักบริการจ่ายโอนเช่น Ant Financial, Tencent เป็นต้น

เมื่อการทดลองใช้ประสบความสำเร็จ ก็ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น เฉิงตู ฉางอาน ซูโจวและปักกิ่ง ซึ่งขณะนี้มีวง เงิน e-NYC ที่ใช้จ่ายกันไปถึง 200 ล้านหยวนแล้ว

การใช้จ่าย ซื้อ-ขาย-จ่าย-โอน ของจีนผ่านธนาคารกลางสำนักงานใหญ่และธนาคารกลางสาขามณฑลหรือเมืองใหญ่ และยังมีธนาคารของรัฐอื่นๆ เช่นธนาคารเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรมเป็นต้น โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ของจีนยังมี Alipay, WeChatPay ที่มี e-Wallet “เป๋าตังค์” ไว้ให้ฝากเพื่อสะดวกแก่ลูกค้าในการใช้ e-CNY หรือหยวนดิจิทัลในการชำระราคาสินค้าและบริการ

ในอนาคต เมื่อพฤติกรรมในการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปเพราะโควิด-19 ระบาด การใช้เงินสดลดลง กระบวนการใช้จ่ายของคนไทยเปลี่ยนเป็น New Normal

การต้องล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน work from home หรือบางคนกลัวติดเชื้อจากการสัมผัสธนบัตรและเหรียญที่ตั้งสมมุติฐานกันว่า มีเชื้อไวรัสติดอยู่บนพื้นผิวและมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 4-5 วัน จึงซื้อสินค้าและบริการผ่านสมาร์ตโฟน ทั้งการสั่งซื้อและการจ่าย แทนการออกจากบ้านไปซื้อหาด้วยเงินสด

คนไทยยุคโควิด-19 เป็นเจ้าเรือน นับวันจะหันมาจ่ายผ่านบัตรเครดิตแตะด้วยตัวเอง แทนการรูดหรือสแกน QR หรือ pay wave กันมากขึ้นคุ้นชินเช่นนี้ นำไปสู่ cashless society สังคมไร้เงินสดได้ง่ายขึ้น

บรรดาผู้ให้บริการ เป๋าตังค์ e-Wallet ก็จะมีตามมา อย่างเช่นบุญเติม หรือแม้แต่ Grab หรือผู้ให้บริการส่งถึงบ้านอื่นๆ ซึ่งไม่คิดค่าบริการ แลกกับการฝาก CBDC ในเป๋าไม่มีดอกเบี้ยให้เท่านั้น

ส่วนพวกที่ต้องการดอกบี้ยเงินฝาก ก็สามารถทำได้โดยโอนเงิน CBDC ไปเข้าบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารที่มีบริการ e-Commerce ก็ได้

สำหรับข้อดีข้อเสียของ CBDC นั้นมีต่างกันคือ ส่วนดีตรงที่ต่างจากเงินสดที่มีที่มาที่ไปของเม็ดเงิน...จะซื้อจะขาย จะจ่ายโอน ล้วนผ่านระบบดิจิทัล ทำให้ธนาคารกลางหรือสถาบันให้บริการผ่านเงินดิจิทัลนี้ รู้แหล่งต้นทางและปลายทางของเงิน ต่างจากเงินสด ที่ผ่านจากมือใครไป รับจากมือใครมา ไม่มีใครรู้ จะรู้ก็แต่คู่จ่าย คู่รับเท่านั้น

จึงเป็นการดีสำหรับหน่วยปราบปรามอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน แชร์ลูกโซ่ การเรียกรับสินบน การพนันออนไลน์ ฯลฯ

ส่วนข้อเสียย่อมมีบ้าง สำหรับผู้ที่เข้าไม่ถึงระบบดิจิทัล อย่างพวกตาสีตาสา คนชราเกินกว่าจะรับรู้หรือเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ

นอกจากนี้ ที่บอกว่าอาชญากรรมทางการเงินทำได้ยากขึ้นนั้นก็อาจจะเป็นได้ไม่นาน ขึ้นชื่อว่าอาชญากรแล้ว บางคนอัจฉริยะกว่าเทคนิเชียนระดับดอกเตอร์เสียอีก

7 views
bottom of page