top of page
379208.jpg

บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) เคาะราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 3.80 บาท

บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) เคาะราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 3.80 บาท

ชูศักยภาพด้านฐานผลิตช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แก่ลูกค้า

ก้าวสู่ผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions ด้วยฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน  

บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เคาะราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 3.80 บาท หลังสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ของกลุ่มนักลงทุนสถาบันพบว่านักลงทุนสถาบันให้ความสนใจที่จะลงทุนอย่างล้นหลาม ดีเดย์เปิดจองระหว่างวันที่ 19-22 ต.ค. และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 29 ต.ค. นี้ พร้อมแต่งตั้ง บล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ด้านผู้บริหาร SFT เดินหน้าแผนลงทุนขยายฐานการผลิตใหม่ หนุนศักยภาพการดำเนินงานในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟิล์มหดรัดรูป ช่วยสร้างมูลค่าสินค้าการตลาดและภาพลักษณ์แบรนด์ให้แก่ลูกค้า


เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริษัท ชริ้งเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ อาร์ เอช บี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 8 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SFT ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด บริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)  


นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น หลังสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน พบว่า นักลงทุนสถาบันได้แสดงความต้องการซื้อหุ้นอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SFT และโอกาสการเติบโตในอนาคต ดังนั้น จึงได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ของ บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หุ้นละ 3.80 บาท โดยจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 19-22 ตุลาคม และคาดว่าจะนำหุ้น SFT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 220 ล้านบาท แบ่งเป็น 440 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 160 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้


นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน โดยอาศัยจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปมานานกว่า 12 ปี เข้าไปช่วยตอบโจทย์ทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าให้แก่แบรนด์สินค้า (Brand Identity) ผ่านการให้บริการที่ครบวงจรตั้งแต่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ การเลือกรูปทรงบรรจุภัณฑ์และการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการหดตัวของฉลากฟิล์ม (ชริ้ง) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงามและของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีศักยภาพด้านการพิมพ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยบริษัทฯ มีระบบการพิมพ์ที่เป็นรูปแบบกราเวียร์ ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ที่ต้องใช้แม่พิมพ์ สามารถจัดพิมพ์ฉลากได้ในปริมาณมากและใช้เวลาไม่นาน ประกอบกับต้นทุนต่ำ จึงสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปเป็นจำนวนมาก และระบบการพิมพ์รูปแบบดิจิตอล ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ที่ใช้เทคนิคการสร้างภาพด้วยระบบเลเซอร์ สามารถรองรับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีปริมาณงานพิมพ์จำนวนไม่มาก (Made to order) ซึ่งระบบการพิมพ์ทั้งสองแบบ เป็นระบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพความละเอียดสูง จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทั้งในเชิงคุณภาพ ปริมาณ และความรวดเร็วโดยมีฐานลูกค้าหลักรายใหญ่ อาทิ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด, บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง, บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด  


ขณะเดียวกัน SFT ยังมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจจากการนำเสนอบริการที่ครบวงจร โดยรับออกแบบและผลิตแม่พิมพ์ เพื่อใช้ในการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูป และมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ฟิล์มยืดเพื่อใช้ในการห่อรัดสินค้าบนพาเลทเพื่อลำเลียงขนส่ง และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงอีกด้วย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ฟิล์มหดรัดรูปในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง (POF Shrink Film) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) รวมถึงบริหารจัดการกำลังการผลิตของเครื่องจักรผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปจากการลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่นี้ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 สอดรับกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อดีมานต์ความต้องการฟิล์มหดรัดรูปที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ SFT เป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน ที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าในภาคธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยทำรายได้รวม 330.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 294.95 ล้านบาทและมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนที่ทำได้ 43.40 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยความสำเร็จมาจากกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนกว่า 80% ของฐานลูกค้าทั้งหมด มียอดสั่งผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการสินค้าที่สูงขึ้น ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีและสนับสนุนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามแผน

14 views

Comments


bottom of page