ขอมอนิเตอร์อีกครั้งปลายกันยายน...ตลท.พร้อมเลิกใช้หรือไปต่อ "มาตรการรับมือหุ้นผันผวน"

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งฯ กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยล่าสุด (ช่วงเดือนสิงหาคม-ต้นกันยายน) เริ่มมีความผันผวนลดลง โดยปัจจุบันค่าความผันผวนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 20-30% ลดลงจากช่วงที่ตลาดผันผวนรุนแรงในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่มีกรณีความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ค่าความผันผวนพุ่งสูงถึง 200%

ทั้งนี้ ขณะที่ในสถานการณ์ก่อนที่จะเกิดโควิดค่าความผันผวนอยู่ที่ 15% ซึ่งในช่วงที่ผันผวนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้พิจารณาประกาศให้ใช้ “มาตรการดูแลการซื้อขายหุ้นรับมือตลาดผันผวน”ที่ประกาศใช้ ซึ่งประกอบด้วย

1. เกณฑ์การกำหนดราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ได้ไม่เกิน 15% (จากปกติ30%)

2. เกณฑ์การหยุดการซื้อขายโดยอัตโนมัติ (Circuit Breaker) เป็นการชั่วคราวโดยระดับที่ 1 หากดัชนีปรับตัวลดลง 8% จะหยุดการซื้อขาย 30 นาที จากเดิม 10%

3. เกณฑ์การขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นในมือ (ชอร์ตเซล) เป็นการชั่วคราว

มาตรการดังกล่าวประกาศใช้เมื่อเดือนเมษายน และครบบกำหนดในเดือนมิภุนายน 2563 แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปกติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงประกาศต่อเวลามาตรการออกมา และให้ครบกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 30 กันยายน 2563

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประเมินสถานการณ์ภาวะตลาดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้อีกครั้ง หากค่าความผันผวนยังคงอยู่ที่ระดับ 20-30% ซึ่งเป็นค่าความผันผวนที่ไม่รุนแรงมาก หรือรับได้ ก็จะประกาศยกเลิกมาตรการชั่วคราวดังกล่าวข้างต้น กลับไปใช้เกณฑ์ปกติเดิม

ในทางตรงกันข้ามหากในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ตลาดยังอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อความผันผวนสูง ก็อาจพิจารณาต่ออายุมาตรการต่อไปอีกได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรพย์ฯ ยังมีเครื่องมืออื่นที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้อนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถนำมาใช้ดูแลภาวะตลาดได้ทันทีหากตลาดเข้าสู่ภาวะผันผวนรุนแรงเช่น การปรับเปลี่ยนเวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือการปรับอัตรามาร์จิ้น

กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะข้างหน้า เชื่อว่ายังเผชิญกับความผันผวน ทั้งจากกระแสข่าวการเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องโควิดในไทยและต่างประเทศ แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเครื่องมือรองรับความผันผวนต่างๆ ซึ่งขณะนี้ปัจจัยหลักที่กระทบตลาดคือปัจจัยที่เกิดขึ้นภายนอก จึงแนะให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์และข่าวสารที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างใกล้ชิด และรอการประกาศเรื่องมาตรการชั่วคราวนี้อีกครั้งหนึ่ง