LEO ผงาด! รับปีขาล ปิดดีล M&A "เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์"
ตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ลุยบริการขนส่งทางอากาศให้มีปริมาณการขนส่งเติบโตเพิ่มขึ้น 100%
ในปี 2565 หนุนรายได้พุ่งแรง
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์(LEO) ประเดิมปีขาลเข้าซื้อกิจการ “บริษัท เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์ จำกัด” (WA) ผ่านการตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ถือหุ้นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75% มูลค่ารายการรวม 275 ล้านบาท ฟากซีอีโอ"เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" ระบุการลงทุนในครั้งนี้ช่วยต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจ เติมเต็มความแข็งแกร่งขนส่งทางอากาศ หนุนปริมานการขนส่งและรายได้พุ่ง ผลักดันอนาคตให้โตแบบก้าวกระโดด สร้างผลตอนแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการบริษัท เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (“WA”) ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 75% ซึ่งบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ดังกล่าว จะเป็นผู้รับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer: EBT) ของบริษัท เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (“WA”) รวมถึงการลงนามในสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการดังกล่าว ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 275.00 ล้านบาท
การเข้าลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนกลยุทธ์ที่จะขยายกิจการที่เป็นธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศและหาพันมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ทางบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการเข้าลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสในการเติบโตในอนาคตและจะสามารถก่อให้เกิดการสร้างเสริมประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) และบริษัทฯได้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกัน บริษัท เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (WA) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร (International Freight Forwarding) โดยภายหลังการเข้าทำรายการ บริษัทฯ จะสามารถขยายฐานลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจได้มากขึ้น และจะมีความสามารถในการสร้างรายได้และผลงานที่ดีในอนาคต
"สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าทำรายการในครั้งนี้ เนื่องจากลักษณะการประกอบธุรกิจของ WA จะสามารถมาต่อยอดทางธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศให้กับทาง LEO อย่างก้าวกระโดด เพราะรายได้หลักของ WA มาจากการให้บริการขนส่งสินค้าทางกาศ (Air Freight) ในขณะที่ปัจจุบัน LEO มีรายได้หลักมาจากการขนส่งทางเรือ (Ocean Freight) การเข้าทำรายการดังกล่าว จะทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศของ LEO โดยรวม เพิ่มมากขึ้นกว่า 100% หรือรวมเป็นมากกว่า 10,000 ตันต่อปี เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการสร้างกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการเติบโตด้านรายได้และการขยายพันธมิตรของบริษัทได้เป็นอย่างดี" นายเกตติวิทย์ กล่าว
นายเกตติวิทย์ กล่าวอีกว่า LEO จะสามารถขยายพันธมิตรทางธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจาก WA ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 18 ปี ทำให้มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจขนส่ง อีกทั้งเป็นพันธมิตรกับสายการบินที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือมากกว่า 50 สายการบิน ซึ่งประโยชน์จากเครือข่ายของสายการบินที่ WA มีอยู่ จะทำให้ LEO มีพันธมิตรที่เป็นสายการบินเพิ่มมากขึ้น ส่งเสริมความสามารถในการสร้างรายได้และการลดต้นทุนได้ดีขึ้น อีกทั้งการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ( Freight Forwarder )ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ WA จะช่วยต่อยอดให้บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่มีฐานลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ส่งออกและนำเข้าโดยตรง (Retail Market) และผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Wholesale Market) ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการขยายขอบเขตการดำเนินงานที่หลากหลาย สามารถตอบสนองการให้บริการแก่ลูกค้าได้ครบวงจร พัฒนาและยกระดับการพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศของบริษัทฯ ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ตลอดจนหลังเข้าทำรายการในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีความแข็งแกร่งในการประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะมีรายได้จากการให้บริการขนส่งทั้งทางเรือ (Ocean Freight) และทางอากาศ (Air Freight) ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีการกระจายของฐานรายได้ที่หลากหลายรวมถึงจะช่วยเพิ่มรายได้รวมของบริษัทในอนาคต และส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินงานให้เป็นบริษัทที่มีความสามารถทัดเทียมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในระดับสากล
Comments