จีเอ็มไอ เอดจ์ คาดราคาน้ำมันดิบ WTI ในเชิงปัจจัยทางเทคนิคเคลื่อนไหวในระดับ 50-64 เหรียญต่อบาร์เรล เตือนน้ำมันยังไม่ใช่ขาขึ้นแม้สหรัฐและอิหร่านเกิดความตึงเครียดระหว่างกัน จับตาเศรษฐกิจโลก-การเจรจาสงครามการค้า-การผลิต Shale Oil ของสหรัฐยังกดดันราคาน้ำมัน
นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ บริษัทหนึ่งในกลุ่มสถาบันการลงทุนจากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่าภายหลังจากที่ท่าทีของ โดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ในกรณีของการแบนเทคโนโลยีของบริษัทหัวเว่ยเริ่มมีแนวโน้มในเชิงบวกหลังการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นโลกและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทองคำราคาปรับตัวลดลง หลังจากที่ถูกเก็งกำไรขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
“ราคาน้ำมัน WTI ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ต้องจับตาในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา แนวโน้มราคามีความผันผวนค่อนข้างสูง สามเดือนแรกราคาน้ำมัน WTI เป็นขาขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 66 เหรียญต่อบาร์เรล ก่อนจะถูกเทขายในช่วงไตรมาสที่สองลงมาอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรลจากประเด็นสงครามการค้า จนล่าสุดราคาฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 60 เหรียญต่อบาร์เรล หลังมีข่าวความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ตึงเครียดมากขึ้น
ประกอบกับกลุ่มประเทศ OPEC ได้มีมติร่วมกันในการประชุมว่าจะขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันเพิ่มอีก 6-9 เดือน เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป คาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันในระยะสั้นถึงกลาง ถึงอย่างไรแนวโน้มราคาน้ำมันหลังจากนี้จะยังคงผันผวน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันแต่อย่างใด”
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันจะยังไม่กลับมาเป็นขาขึ้นอย่างเต็มตัว ปัจจัยแรกก็คือเศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังไม่ได้เติบโตมากนัก อีกทั้งประเด็นเรื่องของสงครามการค้าและเทคโนโลยียังไม่ได้จบลงเสียทีเดียว
ปัจจัยที่ 2 ในการประชุม G20 การพูดคุยระหว่างสหรัฐและจีน ยังเป็นเพียงก้าวแรกของการเจรจาเท่านั้น ปัจจัยที่สามคือสหรัฐยังคงผลิตพลังงานทางเลือกอย่าง Shale Oil ออกมาอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ราคาน้ำมันอาจจะยังไม่ได้เป็นขาขึ้นเต็มตัว
ด้านแนวโน้มทางเทคนิคของราคาน้ำมันดิบ WTI จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 64 เหรียญต่อบาร์เรลและหากผ่านไปได้ก็จะมีแนวต้านต่อไปที่ระดับ 70 เหรียญต่อบาร์เรล
“นักลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยใช้หลักการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตฟอร์ลิโอและตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง”