Interview: คุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศและในประเทศ
สงครามการค้าอเมริกา-จีน จบยาก! ทรัมป์เล่นเกมแรง หวังเป็นพระเอกในสายตาอเมริกันชน ตามแผนปูทางลงเลือกตั้งอีกครั้ง ด้านจีนรู้แกว หาทางหนีทีไล่พร้อมเตรียมกระไดให้ทรัมป์ลงแบบสวยๆ และได้ประกาศชัยชนะในสงครามการค้าครั้งนี้ แต่จีนเองก็ต้องเจ็บตัวน้อยสุดเช่นกัน ระหว่างการแก้เกมของสองยักษ์ใหญ่ หญ้าแพรกทั่วโลกเจ็บตัวระนาวเป็นโดมิโน ส่วนไทยโดนเต็มๆ ส่งออกที่ว่าแย่ จะแย่หนักกว่าเก่า เตือน...ภาครัฐอย่าหลอกตัวเอง หรือปลอบใจกันไปวันๆ ว่าจะเป็นโอกาสในการส่งสินค้าไปอเมริกาโดยไม่ต้องผ่านจีน ต้องยอมรับความจริง ลงลึกในรายละเอียดของผลกระทบจากสงครามการค้าว่าสินค้าส่งออกของไทยตัวไหนโดนหนักสุด ตัวไหนจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย
ประเมินสถานการณ์สงครามการค้าอย่างไร
คิดว่าน่าจะหาทางลงให้เร็วที่สุด ทีนี้เวลาลงก็ต้องหาทางแลกเปลี่ยนกัน แต่ว่าตอนนี้โดนัลด์ ทรัมป์เล่นอยู่ข้างเดียวในแง่ที่ว่าเขาขึ้นภาษีเป็นอาวุธ ก็ทำอยู่ข้างเดียว และทำก่อน เขาก็ทำ 1 2 3 ทำไปเรื่อย มาตราเดียวคือมาตราภาษี ส่วนจีนก็เป็นผู้ติดตาม โอเคคุณทำผม ผมก็ทำคุณ แต่ว่าจีนก็ดูว่าอะไรบ้างที่ไม่เป็นประโยชน์ เขาก็ไม่ขึ้น เขาก็พยายามรักษาต้นทุนตัวเองไว้ โดยเฉพาะเรื่องสินค้าเกษตรที่นำเข้าเยอะๆ สหรัฐอเมริกาก็ทำคล้ายๆกัน อะไรที่ไปกระทบกับราคาสินค้าโดยตรงก็จะไม่ขึ้น
ที่บอกว่าอยากให้เขาเลิกทะเลาะกันโดยเร็ว เพราะจะไปมีปัญหาถึงเรื่องอื่น คือถึงเรื่องการเมือง ถึงเรื่องอะไรต่ออะไร แล้วก็จะกระทบกับหลายประเทศเยอะมาก ประเมินกันว่าอาจจะต้องมีวิกฤต คือถ้าไม่ยอมกันง่ายๆ ผลกระทบก็จะกระจายลงมาแผ่ลงมาเป็นโดมิโน จากสูงลงต่ำ คิดว่ากระทบแน่นอน เมืองไทยก็คงจะโดนไปด้วย ก็ต้องเตรียมตัวแล้ว
เมืองไทย จะได้รับผลกระทบอย่างไร
เรื่องที่หนึ่งคือเรื่องส่งออก เรากระทบมาแล้ว จากที่เราส่งไปจีน และจีนส่งต่อไปอีกทีหนึ่ง สินค้าต่อเนื่องกัน ตรงนี้หลายส่วน ก็คงจะกระทบต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ตรงนี้เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตัวเลขส่งออกของเราพยายามทำนายอยู่ในระดับ 3-4% ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าวิกฤตนี้จะมากน้อยแค่ไหน มันก็ไม่แน่ไม่นอนอยู่แล้ว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาปัญหามันเพิ่มขึ้น ต้นทุนที่สหรัฐอเมริกาจะทำให้สินค้านำเข้าแพงขึ้นประมาณ 15% หมายความว่าสินค้าจีนจะแพงขึ้น 15% แต่ว่าการแพงขึ้น มีผลไม่ใช่เฉพาะต้นทุน มันมีผลถึงจำนวนที่จะซื้อขายกันด้วย หมายความว่าเวลานำเข้าแพงขึ้น ก็จะลดจำนวนนำเข้าลง โดยปกติตอนนี้ก็กระทบเป็นห่วงโซ่ไป
ทีนี้ถามว่าจีนกระทบหรือไม่ ยอมรับว่าแน่นอนโดนกระทบอยู่แล้ว จีดีพีของจีนที่ประกาศออกมาประมาณ 6% ซึ่งลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ว่าตัวเลขลึกๆที่คนที่เขาสามารถคำนวณลึกได้กว่านั้น ก็บอกว่ามันต่ำกว่านั้นเยอะ เศรษฐกิจไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาณที่เห็นชัดก็คืออสังหาริมทรัพย์ มีการทิ้งกันเยอะ คือมันมืด ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีคนอยู่
ตอนนี้คิดว่าจะลำบาก อยู่ที่ว่า 2 ฝ่าย ใครจะทนได้มากกว่ากัน ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ เองก็เล่นการเมืองในประเทศเต็มที่ เราจะได้ยินคำพูดที่ว่า ที่มันเป็นอยู่อย่างนี้ จีนเป็นคนจ่ายค่าภาษีนะ ก็มีการพูดกันมาในลักษณะนี้ หมายความว่าที่เขาขึ้นภาษี จีนเป็นคนจ่าย ไม่ใช่ผู้บริโภคจ่าย ถือว่าเล่นการเมืองเก่ง ใช้คำอธิบายแบบอีกด้านหนึ่ง นั่นก็คือการเมืองภายในประเทศของเขา แต่สรุปโดยรวมก็คือ ไม่ดีเลยในภาพรวม
คิดว่าจะจบได้ง่ายๆ หรือไม่
คือจริงๆเป้าหมายมี 3-4 เรื่องเอง แต่เป็นเป้าหมายข้อต่อรองที่ประเทศจีนยอมลำบาก คือถ้าจะให้ยอม ก็ลำบาก เราก็ทราบกันดีในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องการขโมยลอกเลียนแบบ เอาไปใช้บังคับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเมื่อลงทุนในจีน พวกนี้มันเป็นมาตรการหรือช่องทางที่จีนเขาต้องใช้อยู่ ถ้าไปยกเลิกทันทีตามเงื่อนไขที่สหรัฐอเมริกากำหนด การพัฒนาก็จะลำบากอยู่ระดับหนึ่ง ค่อนข้างมาก ในประเทศกำลังพัฒนาก็จะมีเรื่องเลียนแบบเทคโนโลยี ที่เราต้องยอมรับว่าจะต้องมี ที่ผ่านมานั้น บริษัทสหรัฐอเมริกาบางบริษัทก็ต้องยอม ก็คืออยากจะได้ตลาดก็ต้องแลกเปลี่ยนกัน แต่ทำไปนานๆ สินค้าของจีนมีต้นทุนแรงงานที่ถูกกว่า สินค้าก็เลยถูกลงไปด้วย ของที่เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาต้นทุนพวกนี้ไม่ต้องทำมาก เงินก็ถูก แล้วขายของได้ดีขึ้น
แต่จริงๆอันนี้มันเป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้ามองกลับกันจะไปโทษบอกว่าสหรัฐอเมริกานำเข้าสินค้าจากจีนมาก ทำให้ขาดดุลการค้าเยอะ ทำให้เป็นสาเหตุต้องมาทำสงครามการค้าอย่างที่ว่า ถ้าเรามองตรงนี้ด้านเดียว และในที่สุดสมมุติว่าสำเร็จ ส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐอเมริกาจะลดลง ทันทีที่ลดภาษีมันก็จะกลับมาที่เดิม เพราะตัวเองต้องไปพัฒนาโครงสร้างของตัวเองอีกเยอะแยะไปหมด
ยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาในช่วงหลายสิบปีวางไว้ว่าต้องไปพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ
ใช่ ทีนี้การแก้ปัญหา มันไม่ใช่ 100% จะถูกต้อง ก็อาจจะได้สักจุดหนึ่ง ส่วนการเมืองอาจจะเยอะ ตอนนี้พยายามหาทางลง เชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์เองพยายามหาทางลง ทีนี้ถ้าจีนดีดลูกคิดให้ดีๆก็อาจจะยอม ซึ่งส่วนตัวก็ต้องดูเหมือนกันว่าเขาจะยอมอะไรด้านไหนบ้าง แล้วก็ให้โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศชัยชนะอะไรก็ว่าไปเพื่อการเมืองอีกปีกว่าที่จะเลือกตั้ง เขาก็อยากจะได้เลือกตั้งอีกปีหนึ่ง ตรงนี้เรื่องที่กำลังทำอยู่เป็นประเด็นสำคัญ ถ้าเขามีความรู้สึก หรือออกมาแล้วล้มเหลว โอกาสที่เขาจะได้รับเลือกตั้งอีกก็คงจะเป็นไปไม่ได้ คือยากขึ้น เพราะฉะนั้น เรื่องที่กำลังเจรจาอยู่ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสมากๆ สำหรับจีน แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ เองก็พูดอยู่หลายครั้งว่าไม่ใช่พูดแค่เฉยๆนะ ต้องลงสัญญากัน ต้องติดตามกัน แล้วภาษีก็ไม่ยกเลิกจนกว่าจะเห็นชัดว่าได้ผล ซึ่งมองว่าไม่ง่าย แต่ว่าอาจจะต้องหาทางออกอะไรบางอย่าง ในทางการเมืองให้โดนัลด์ ทรัมป์ เอาไปประกาศชัยชนะ คิดว่าจีนกำลังหาวิธีอยู่
และจะต้องทำให้จีน ไม่เสียหน้ามากด้วย
แน่นอน สำหรับฝั่งจีน หลังเจรจาแล้วกลับไปก็ต้องประกาศชัยชนะเช่นกัน คือการเจรจาถ้าจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายชนะทั้งคู่ ภาพมันต้องออกมาอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว ทางการเมืองมันไปไม่ได้
โอกาสที่จีน จะมาอาศัยไทยเป็นฐานส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกา จะได้เสียภาษีน้อยลงมีหรือไม่
คิดว่าคงจะมีบ้าง แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ว่าจีน เวลาเขาคิด เขาคงไม่ได้คิดมาที่ไทยที่เดียว เวลานี้มีหลายส่วนแล้วที่เราได้ข่าวว่าไปที่เวียดนามหรือที่อื่นๆ เพราะมันเป็นสินค้าที่ต้องการราคาถูกหน่อย ดังนั้นแรงงานที่เวียดนาม หรือที่อื่นในบริเวณนี้เขาก็ถูกกว่าเราอยู่แล้ว จีนจะไปทางโน้นเยอะกว่าเรา เราเองตอนนี้แรงงานก็ไม่ถูกแล้ว คนงานก็ไม่มีด้วย
ทางกระทรวงพาณิชย์ออกมาพูดว่าเป็นโอกาสของไทยที่จะได้ส่งสินค้าไปขายที่สหรัฐอเมริกาโดยตรง ขณะเดียวกันก็ไปขายประเทศต่างๆที่เป็นลูกค้าของจีน เป็นการพูดในแง่ปลอบใจกันเองหรือเปล่า
ก็ต้องพูดในลักษณะนั้นอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวไม่อยากให้พูดอย่างนั้น เพราะต้องออกมารับความจริงกัน ตรงนี้ที่น่าจะคุยกันว่าสินค้าอะไรบ้างที่ถูกกระทบลงในรายละเอียดว่าจะส่งออกไปไม่ได้แล้ว ถ้ามันยังมีปัญหาอย่างนี้อยู่ มีการไม่ตกลงกันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา เราต้องยอมรับว่าอะไรที่เราต้องหลีกเลี่ยง คือต้องพูดให้ชัดกว่านี้ แล้วต้องวางแผน 1-2-3 ถ้ามันยืดยาวไป 3 เดือนจะทำอย่างไร ถ้านาน 6 เดือน หรือ 1 ปี เราจะทำอย่างไร อย่างไรก็ถูกกระทบแน่ แต่อย่าไปพูดกว้างๆ ใครๆก็พูดได้ อยากจะให้ลงรายละเอียดเป็นรายสินค้าไปเลย ว่าอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มไหนที่เราเป็น Section Tier 2 หรือ 3 ส่งไปจีนแล้วมันตกไปแล้วต่อไปจะทำอย่างไร เราต้องวางแผนเลย เยอะที่สุดคืออะไร แย่น้อยหน่อยคืออะไร แล้วถ้าไม่แย่เลยจะเกิดอะไรขึ้น คือต้องเตรียมตัวอย่างนี้ แล้วรัฐบาลกับเอกชนน่าจะคุยพร้อมๆกัน เชื่อว่าเอกชนเขาก็เตรียมตัวกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตัวเลขอะไรต่างๆ อย่าไปพูดรวมๆ ต้องวางแผนกันแล้ว
ขณะเดียวกัน สินค้าที่ไม่ถูกกระทบมาก แต่ว่าถูกกระทบในภาพรวมของเศรษฐกิจ เราก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน เพราะมีการมองไปแล้วใช่ไหมว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาหรือทั่วโลกอาจจะไม่โต จะถดถอย ถ้ามันถดถอยแล้ว สินค้าตัวอื่นของเราก็จะถูกกระทบไปด้วย เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะเตรียมตัวอย่างไร ตรงนี้ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง อันนี้ก็ต้องมาดู ไม่ใช่ดูเฉพาะสินค้าที่ส่งขายไปจีนให้มากขึ้น หรือขายอย่างไรให้ไปอยู่ในประเทศที่ 3 ให้มากขึ้น อันนั้นเป็นสินค้าที่ถูกกระทบ แต่สินค้าที่ไม่ถูกกระทบโดยตรง มันก็จะถูกหางเลข ตัวนี้เราจะทำอย่างไร
ดังนั้น ถึงเวลาต้องมานั่งคุยกันแล้ว แต่ตอนนี้บ้านเรารัฐบาลยังวุ่นวายอยู่ ก็คิดว่าทางฝ่ายเอกชนก็ต้องคุย และต้องเตรียมตัว มีบางส่วนคุยแล้วอย่างสินค้าเกษตร ก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไร ซึ่งต้องมีความระมัดระวังสำหรับนักธุรกิจไทย