
Interview: คุณนพดล เพิ่มพิทยา ผู้อำนวยการ สำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร
เศรษฐกิจกรอบเป็นข้าวเกรียบ! ช่วงใกล้เปิดเทอมพ่อแม่ผู้ปกครองหอบทรัพย์สินไปตึ๊งโรงรับจำนำ กทม. มากขึ้น ผอ.ย้ำดอกเบี้ยของโรงรับจำนำ กทม.ถูกสุดๆ โดยเฉพาะช่วงโปร 1 เม.ย.-31 พ.ค. 62 หั่นดอกเบี้ย ยอมขาดทุนเพื่อช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองที่หมุนเงินไม่ทัน ยอมรับการแข่งขันของโรงรับจำนำในยุคดิจิทัลเข้มข้น ต้องขยายบริการใหม่ๆ ล่าสุด...โรงรับจำนำ กทม.รับฝากทรัพย์ช่วงเทศกาลท่องเที่ยว คล้ายโครงการฝากบ้านกับตำรวจ ป้องกันโจรย่องเบาช่วงไปเที่ยวพักผ่อน
โรงเรียนใกล้จะเปิดเทอม สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานครต้องรับศึกหนักขนาดไหน
ช่วงนี้สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ค่อยดีเท่าที่ควร สังเกตผู้ที่เข้ามาใช้บริการในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีแนวโน้มมากขึ้น โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มาจำนำเยอะขึ้น คงมาจากทิศทางเศรษฐกิจที่ยังเป็นขาลงอยู่
ข้าวของที่เอามาจำนำ จะมีอะไรบ้าง
95% จะเป็นทองรูปพรรณ 3% เป็นอัญมณี และอีก 2% จะเป็นเบ็ดเตล็ด ซึ่งจะมีตั้งแต่ขันเงิน เข็มขัดเงิน ของเก่าๆ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา ส่วนมือถือไม่ค่อยรับเนื่องจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วมาก คือพอรับมา 4 เดือน 30 วัน อาจจะตกรุ่นเร็ว
สมัยก่อนถึงขั้นนำครกมาจำนำ
ปีที่แล้วมี ส่วนปีนี้ยังไม่มี
นาฬิกาแพงๆ
ก็มี แต่พวกนาฬิกาหรูอย่าง ริชาร์ด มิลล์ ยังไม่มีใครมาจำนำ
คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่
ขณะนี้ถ้าเป็นโปรปกติ ประชาชนคนธรรมดา 5 พันบาทแรกเราคิดดอกเบี้ย 25 สตางค์ต่อ 100 บาท แล้วที่เกินจาก 5 พันบาทจนถึง 1.5 หมื่นบาทเราคิดดอกเบี้ย 1 บาท หากเกินจาก 1.5 หมื่นบาท 2 พันบาทแรกเราคิด 2 บาทต่อเดือน และหลังจากนั้นจะเป็นอัตราที่กฎหมายกำหนด คือ 1.25 บาทต่อเดือน
อย่างทองคำตอนนี้ราคา 2 หมื่นบาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท รับจำนำที่เท่าไหร่
คือถ้าราคานี้ เราจะกำหนด โดยผมเองเป็นผู้กำหนดให้ในราคาที่รับจำนำ โดยภาพรวมคือ 87.5% ของราคาเต็มในแต่ละวัน
การแข่งขันของโรงรับจำนำตอนนี้รุนแรงแค่ไหน
ส่วนใหญ่ของเราจะยึดหลักคือ ทางผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครได้ให้นโยบายมาว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด ฉะนั้นเราจึงเน้นเรื่องของดอกเบี้ยถูกเป็นหลัก ซึ่งพอเราเน้นมาถูกปุ๊บ ของเอกชนก็ตาม หรือของสถานธนานุเคราะห์ก็ตาม ก็จะตามเรา ก็จะมาเล่นโปรใกล้เคียงกับเรา แต่ของเอกชนจะมาเล่นแบบอย่างเราก็ค่อนข้างลำบาก เพราะเราให้ดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกมาก ถ้าตามกฎหมายจะต้องคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน เอกชนก็จะอยู่ในเกณฑ์นี้ ซึ่งเรามาเล่นโปรโมชันต่างๆ อย่างช่วงเทศกาลคือตั้งแต่ 1 เมษายนถึง 31 พฤษภาคม 2562 ก็จะมีโปรโมชันของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นการช่วยผู้ปกครองหรือพ่อแม่ โปรโมชันตรงนี้คิดอัตราดอกเบี้ย 50 สตางค์ตลอดเลยตั้งแต่บาทแรกจนถึง 1 แสนบาท ทีนี้ 50 สตางค์ ถ้าเอกชนจะมาเล่นอย่างเรา อัตราดอกเบี้ยเขาจะหายไป 0.75 บาทต่อเดือน ดังนั้น เขาก็เล่นอย่างเราไม่ได้
ราคานี้อยู่ได้หรือ
จริงๆถ้าโปรโมชันอย่างนี้ เราเท่าทุนเป๊ะเลย ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอะไร เพราะถ้ารวมค่าใช้จ่ายอะไรแล้วเราขาดทุน แต่ทางผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครเน้นมาเลยว่า เทศกาลอย่างนี้ อย่างไรต้องช่วย ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจเองก็ไม่ได้ดีขึ้น
ของที่ลูกค้าปล่อยหลุดเยอะหรือไม่
ตอนนี้ประมาณ 4% คือหนี้เสีย 4%
ระยะเวลาจำนำ
4 เดือน กับ 30 วัน บางคนถามทำไมต้องมี 30 วัน คือบางเดือนอย่างกุมภาพันธ์จะมี 28 วัน เราก็เลยต้องขยับไป 30 วัน เพราะบางคนเขามีแต่ตั๋ว บางคนเข้าใจว่า 5 เดือน ซึ่งจริงๆ 4 เดือนมันขาดแล้ว แต่เราอยากให้โอกาสอีก 30 วันเผื่อจะส่งดอกเบี้ย เราก็เลยให้เวลาตรงนี้เพิ่มไป
ลักษณะแบบนี้คือคนจะต้องมีของถึงจะมาจำนำได้ แต่ทุกวันนี้นอกจากจะต้องแข่งกับโรงรับจำนำด้วยกัน แข่งกับกระทรวงมหาดไทย เอกชนแล้ว ทุกวันนี้ยังมีพวกพิโกไฟแนนซ์ ไมโครไฟแนนซ์ซึ่งไม่ต้องวางหลักทรัพย์อะไรเลย อย่างนี้แข่งกับเขาได้หรือไม่
เราแข่งกับเขาได้แน่ คือหลักการคนละอย่างกัน จริงๆโดยหลักการตอนนี้พวกไมโครไฟแนนซ์อะไรต่างๆ เขาจะใช้หลักการค้ำประกัน อาจจะมีเรื่องของเงินเดือน ที่ไปทำสัญญากับเขาแล้วเขาก็ปล่อยให้ จะหักเงินเดือนหรืออะไรก็ตาม อีกลักษณะหนึ่งคือเรื่องของคาร์ ฟอร์แคช เรื่องของรถยนต์ ก็เข้ามาแข่งขันในตลาด แต่ของโรงรับจำนำเราจะดูเรื่องของทรัพย์สินอย่างเดียว และต้องเป็นทรัพย์สินที่จะต้องไม่มีทะเบียน เราแข่งกับเขาแบบนี้ และเล่นเรื่องของดอกเบี้ย
ธุรกิจโรงรับจำนำยังอยู่ได้หรือไม่ ในสภาวะโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มีฟินเทคมีอะไรเข้ามา
เรายังแข่งขันได้ คือตอนนี้มีเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง สภาวะแวดล้อมต่างๆ ประกอบกับปัจจุบันที่เรารับเงินมันมีรายใหญ่ๆเช่นร้านเพชรที่เขาขายไม่ออก ก็กลับมาจำนำเราด้วย และเราเองก็มีโครงการ อย่างตำรวจก็มีโครงการฝากบ้านกับตำรวจช่วงเทศกาล ของเราก็มีการฝากทรัพย์ เราเฝ้าทรัพย์ให้ อย่างเวลาคุณไปเที่ยวช่วงปีใหม่ ช่วงสงกรานต์ คุณสามารถเอาทรัพย์มาไว้กับเราได้ เราดูแลให้ สมมุติทรัพย์คุณมีมูลค่า 1 ล้านบาท แต่ท่านบอกจะเอาแค่ 1 หมื่นบาท คือตรงนี้ก็จะเสียอัตราดอกเบี้ยไม่กี่สิบบาทต่อเดือน คือมาฝากเราไว้ เราดูแลทรัพย์ให้ท่าน ตอนนี้เราก็กำลังทำโปรโมชันนี้ด้วย เพราะจะได้ดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่ไปเที่ยวในช่วงเทศกาล ที่ผ่านมามีทรัพย์สินเสียหายไปเยอะ มีขโมยขึ้นบ้านบ้าง หรือบางท่านนำติดตัวไปแล้วหล่นหาย
ตอนนี้สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานครมีกี่สาขา
มี 21 สาขา ซึ่งเราอยากจะเพิ่มสาขา แต่ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเขาไม่ให้เพิ่ม จริงๆเรามีนโยบายว่าจะเพิ่มปีละ 1 สาขา เพื่อให้มันครอบคลุม 50 เขต เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ยากไร้ได้ทั่วถึง