ทรีนีตี้ ประเมิน SET Index เดือนพฤษภาคม 2562 แกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,720 จุด แต่ที่น่าลุ้นคือช่วงปลายเดือนหุ้นไทยอาจได้ลุ้น จากเม็ดเงิน Passive Fund ทั่วโลกไหลเข้าราว 6 หมื่นล้านบาท แนะซื้อหุ้นกลุ่มที่เตรียมได้ประโยชน์จากการปรับตะกร้าดัชนีสำคัญ และหาจังหวะเก็บหุ้นยานยนต์ หุ้น Turnaround ผลงานโตเกินกว่า 100%
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า SET Index ในเดือนพฤษภาคม 2562 มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,720 จุด ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ การถูกเพิ่มน้ำหนักของหุ้นไทยในตะกร้าดัชนี MSCI EM ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจาก Passive fund ทั่วโลกไหลเข้ามาราว 6 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายเดือน
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยประคับประคองกลุ่มพลังงานรวมถึงดัชนีได้ โดยนับจากวันที่ 2 พฤษภาคมเป็นต้นมา สหรัฐได้กระตุ้นให้ 8 ประเทศสำคัญ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ ยุติการนำเข้าน้ำมันจากประเทศอิหร่านอีกต่อไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำกัด Supply น้ำมันให้ไหลเข้าสู่ตลาดน้อยลง
ส่วนปัจจัยจำกัด Upside ของดัชนี ที่สำคัญยังคงได้แก่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่ยังคงถูก Downgrade อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบของการที่บริษัทต่างๆ ต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ในช่วงไตรมาส 1-2 นี้ โดยในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หลังจากที่แนะนำขายทำกำไรไปแล้วที่บริเวณดัชนี 1,680 จุด ประเมินว่านักลงทุนสามารถรอจังหวะการเข้าลงทุนใหม่ได้ที่บริเวณดัชนีต่ำกว่าระดับ 1,650 จุด ลงมา โดยให้แนวรับแรกไว้ที่ 1,640 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1,620 จุด
นายณัฐชาต กล่าวต่อไปว่า ประเมินธีมการลงทุนที่น่าสนใจประจำเดือนพฤษภาคม ประกอบไปด้วย
1. หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสจะถูกนำเข้าดัชนี MSCI Standard Index ในการประกาศรอบเดือนพฤษภาคม ได้แก่ KTC
2. หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสจะถูกนำเข้าดัชนี SET50 Index ในการประกาศรอบเดือนมิถุนายน ได้แก่ OSP และ SAWAD
3. หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสจะถูกนำเข้าดัชนี SET100 Index ในการประกาศรอบเดือนมิถุนายน ได้แก่ BEC
4. หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2562 ในเกณฑ์ดี และจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของทรีนีตี้พบว่า มักเป็นกลุ่มที่ปรับตัวได้ดีในเดือนพฤษภาคมของทุกปี มอง STANLY มีความน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความเชื่อมั่นทางสถิติสูงกว่า 83% ว่าจะให้ผลตอบแทน Total return ในเดือนพฤษภาคมเป็นบวก และยังไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบในเดือนดังกล่าว
5. หุ้นกลุ่ม Turnaround ซึ่งคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตเกินกว่า 100% และยังมีการเติบโตต่อในปี 2563-64 พร้อมทั้งมี PBV ปัจจุบันต่ำกว่า 1 เท่า ได้แก่ THRE
“ในเดือนพฤษภาคม เราประเมิน SET Index ว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,720 จุด โดยหลังจากที่ผ่านมาแนะนักลงทุนขายทำกำไรไปแล้วที่ดัชนีบริเวณ 1,680 จุด มองว่าสามารถรอจังหวะการเข้าลงทุนใหม่ได้ที่บริเวณดัชนีต่ำกว่า 1,650 จุดลงมา ให้แนวรับแรกที่ 1,640 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1,620 จุด แนะนำถือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตะกร้าดัชนี และหาจังหวะเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์และหุ้น Turnaround”