top of page
312345.jpg

หุ้นโลกอารมณ์กระทิง หุ้นไทยอาจมาช้าหน่อยแต่เป็นช่วงเวลาที่ดี


Interview: คุณณัฏฐ มหัทธนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการที่ปรึกษา บลจ.ทหารไทย

‘จะครบไตรมาสแรกปี 2019 เห็นได้ว่าในหลายตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวค่อนข้างดี อีกดูปัจจัยทุกอย่างมาแล้วเชื่อว่าปี 2019 เป็นลักษณะ Bull Market เป็นตลาดกระทิงค่อนข้างชัด และจะไม่จบง่ายๆ”นายณัฏฐ มหัทธนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการที่ปรึกษา บลจ.ทหารไทย ฟันธงอนาคตตลาดหุ้นโลกโดยรวมเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เกือบ 3 เดือนแรก ปี 2019

“ขณะที่ตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสแรกดูเหมือนจะเฉื่อยชา แต่เมื่อดูบรรยากาศจะคล้ายกับปี 2017 เต็มไปด้วยข่าวร้ายการเมือง แต่หุ้นเริ่มวิ่งขึ้นจากดัชนี 1,500 และต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2019 หุ้นไทยอาจมาช้าหน่อยแต่เป็นช่วงเวลาที่ดี ควรยืดเวลาซื้อออกไปสำหรับนักลงทุนระยะยาว หุ้นไทยค่อนข้างน่าสนใจและรอหน่อยแล้วกัน”

- ไตรมาสแรกกำลังจะผ่านไป ตลาดหุ้นทั่วโลกยังถือว่าพอไปไหวใช่ไหม

เป็นอย่างที่คิดไว้เพราะผมได้วางไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปีว่า 2019 จะเป็นอย่างไร ถ้าย้อนกลับไปก่อนสิ้นปีตอนนั้นตลาดโลกผันผวนอย่างมาก ตลาดหุ้นสหรัฐที่เป็นผู้นำมาตลอด 2018 และแข็งแกร่งมาก็ปรับตัวไม่ไหวร่วงลงมารุนแรงในช่วงเดือนธันวาคม 2018 และผ่านช่วงต่ำสุดในช่วงคริสต์มาสอีฟ ก่อนที่ตลาดผู้นำสหรัฐฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วในลักษณะ V shape ลงไปแรงหัวแหลมและขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

คำถามเวลาหุ้นขึ้นมานี่ก็จะครบไตรมาสแรกแล้วในหลายตลาดฟื้นตัวค่อนข้างดี บางคนบอกว่าลงไปเยอะก็เด้งขึ้นมาใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ว่าจะไปต่อหรือไม่ แต่ของผมตอนนี้ก็มอนิเตอร์ตลาดมาเรื่อยๆ ดูปัจจัยทุกอย่างมาแล้วเชื่อว่า 2019 เป็นลักษณะ bull market หรือเป็นตลาดกระทิงค่อนข้างชัด มีปัจจัยหลายๆอย่างและบรรยากาศน่าจะได้

ตลาดกระทิงที่จะวิ่งขึ้นไปได้ค่อนข้างระยะเวลานานจะไม่จบง่ายๆ จะต้องมีเรื่องให้นักลงทุนหลายกลุ่มไม่กล้าเข้ามา แต่จะมีข่าวร้ายเรื่อง hangover หรือเรื่องคาราคาซัง Brexit จะจบก็ไม่จบเลื่อนออกไป สงครามการค้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง จะคุยกันในปลายเดือนนี้ก็ต้องเลื่อนออกไป ตีความได้อีกอย่างแปลว่าไม่ล่มเพราะจีนเขากลัวกัน จะมีส่วนนิดๆว่าเห็นไหมทรัมป์ไปคุยกับเกาหลีเหนือยังเดินออกมาได้เลย ถ้าทรัมป์ทำกับสี จิ้นผิงจะเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นเรื่องของหน้าตา ถ้าเกิดไม่ชัวร์ว่าจะดีลกันไม่ชัวร์ว่าจะตกลงกันจริงๆ ก็ให้เวลาเขาทำงานกันหน่อยไหมเลื่อนออกไป ความจริงมองในแง่ดีได้ คือ เป็นการอยากจะให้ดีลกันจริงๆ ถึงจะเลื่อนออกไป ถึงจะมีเซ็นตกลงกัน

ทีนี้มาดูบ้านเราคงอยู่ในบรรยากาศที่ดูตามโซเชียลมีเดียหรือที่คนคุยกันคงหนีไม่พ้นเรื่องของเลือกตั้ง ซึ่งข้อสรุปยังไม่มีใครหรือจะมีบ้างที่สถานการณ์บอกว่าพรรคนู้นมาพรรคนี้มา ถ้าเป็นนักลงทุนที่เน้นเรื่อง sector เรื่องของหุ้นรายตัวเขาอาจจะต้องลงลึกไปนิดนึงว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มไหนดีค่ายไหนดี แต่ส่วนตัวจะดูภาพรวม global macro ตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร

ถ้าเรามาเจาะตลาดหุ้นไทยจะเห็นบรรยากาศที่ตลาดหุ้นโลกเป็นแบบ bull market ยังเป็นตลาดที่วิ่งขึ้นต่อได้แบบขาตั้งในปีนี้ ตลาดหุ้นไทยเหมือนจะเฉื่อยช้าเมื่อเทียบกับที่อื่น ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะขึ้นก็ไม่ขึ้น บางทีก็ซึม นักลงทุนต่างชาติก็ขาย มีข่าวมาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือบางแห่งออกมาเตือนว่ามีเรื่องของการเมืองไหม อาจจะมีมุมมองไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเรื่องเครดิตซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไทยก็อยู่ตลาดเกิดใหม่ เรื่องของความเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เมืองไทยยังเป็นรองตลาดพัฒนาอยู่แล้ว

นักลงทุนต่างประเทศเวลาจะดูภาพระยะยาวก็มองภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ มันเป็นเรื่องการเปลี่ยนถ่ายสังคมต้องการเรียนรู้ว่าระบบต่างๆต้องมีการพัฒนา เรียกว่า ตลาดกำลังพัฒนา เรื่องของการเมืองการเลือกตั้งคงเป็นเรื่องระยะสั้น แต่ปีนี้ได้กลิ่นบรรยากาศในตลาดหุ้นคล้ายกับ 2017 มา 1 เดือนแล้ว ถ้าไปดูเงินเฟ้อปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและระดับราคา ของไทยช่วงหลังดูตึงและค่อนข้างเร่งตัวน้อยและชะลอด้วยซ้ำ ที่ฝรั่งเรียกว่าเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่องค่อนข้างแรก บางคนคิดว่ามันต่ำยังไงอย่างซื้ออาหารซื้อของดูราคาสูงขึ้น แต่องค์ประกอบเงินเฟ้อมีหลายอย่าง บางอย่างราคาขึ้นบางอย่างราคาไม่ขึ้น

เมื่อเช้านี้ได้ไปสัมภาษณ์แม่บ้านมาที่เขาจัดหางาน เงินเดือนแม่บ้านปัจจุบันไม่น้อย ยังคุยกับภรรยาว่าเท่ากับเงินเดือนที่เราสตาร์ททำงานตอนทำงานแบงก์ จึงถามภรรยาต่อว่าเงินเฟ้ออย่างเด็กจบใหม่เงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่ เงินเดือนก็ไม่มากเท่าไหร่เท่ากับเราสตาร์ท องค์ประกอบบางอย่างของเงินเฟ้อมันไม่ได้ขึ้นอย่างทั่วถึง บางทีขึ้นน้อยบางทีไม่ขึ้นเลย เช่น เงินเดือนของคนที่จบใหม่ก็อาจจะขึ้นไม่มากนัก องค์ประกอบอื่นๆอาจจะขึ้นไม่มาก เพราะฉะนั้นเงินเฟ้อของไทยยังค่อนข้างซึมๆ คล้ายกับปี 2017 ตอนนั้นเรื่องคดีการเมืองอย่างเรื่องข้าวก็ไปตัดสินตอนเดือนสิงหาคม แต่ว่าเดือนสิงหาคมปี 2017 เป็นช่วงเวลาที่เริ่มอัพเกรดหุ้นไทยมา

ตอนนี้เห็นว่าเงินเฟ้อจากที่ซึมมามันมีการเร่งตัวมา 1-2 เดือน และเวลาที่เงินเฟ้อเร่งตัวในระดับต่ำอยู่ในภาวะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลาดหุ้นจะปรับขึ้นได้ไม่ยากในประเทศที่เงินเฟ้อต่ำ เรียกว่า เป็นลักษณะการปรับตัวขึ้นแบบการกลับมาอีกครั้งของเงินเฟ้อ ซึ่งตรงนั้นก็อัพเกรดหุ้นไทยไป หุ้นไทยก็วิ่งขึ้นมาจาก 1,500 ขึ้นมาตั้งแต่ตัดสินคดีการเมือง หุ้นกลับปรับตัวขึ้นเลยในเดือนกันยายนและต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2019 ช่วงนั้นคนอาจจะมองว่ามีปัจจัยการเมืองเปลี่ยนขั้วหรือไม่ แต่ผมมองว่าถ้าเป็นเรื่อง global macro เป็นเรื่องของเงินเฟ้อระดับต่ำ

กลับมาปี 2019 เงินเฟ้อไทยต่ำแต่ปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อนเงินเฟ้อที่เป็นต้นทุนหลายๆอย่าง คือ ราคาน้ำมัน ที่ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้ 58-59 แล้ว ในสมมุติฐานของผมที่วางไว้นานแล้วว่าดัชนีไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณช่วงที่เป็นพื้นฐาน 50-70 วิ่งได้ประมาณนี้ ถ้าอยู่เหนือ 70 ขึ้นไปเรียกว่าควรลงแล้ว แต่ถ้าต่ำกว่า 50 ลงมาเรียกว่าควรขึ้นแล้ว ตอนนี้ 58 ยังมีรันเวย์ที่สามารถปรับตัวขึ้นไปได้

ล่าสุด IEA สถาบันที่เขาทำ forcast ราคาน้ำมัน บอกว่าเป็นเรื่องของดีมานด์ความต้องการมันน่าจะมีอยู่ เรียกว่าน้ำมันยังผลิตมากเกินความต้องการหน่อยในไตรมาสแรก ไตรมาส 2 ความต้องการเกินกว่าที่ผลิตออกมาได้หน่อยราคาอาจจะลด ก็ยังเป็นปัจจัยซัพพอร์ตราคาน้ำมัน โอเปกก็ยังตั้งหน้าตั้งตาลดกำลังการผลิตต่อไปเพื่อประคองราคาไว้ ตัวราคาน้ำมันที่ 58 เหรียญตรงนี้ยังมีรันเวย์สามารถที่จะขยับต่อไปได้ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่อันตรายเกิน 60-65 ราคาน้ำมันเวลาขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไม่มากก็น้อยแล้วแต่ประเทศแตกต่างกันไปเชื่อว่ามีผลบ้าง

- ฟันธงหุ้นไทยวันนี้มีบรรยากาศเหมือนปี 2017 มีโอกาสพลิกกลับขึ้นมาได้อีกภายในปีนี้ใช่ไหม

คล้ายๆแบบนั้น ด้วยหุ้นไทยที่ค่อนข้างจะเฉื่อยจะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างหนี่งปัญหาโลกแตก คือ ราคาที่แพง ราคาแพงถึงจะอยู่เฉยๆ อาจจะไม่มีการปรับกำไรเท่าไหร่แต่เราอาจจะคาดหวังนิดหน่อย เลือกตั้งแล้วอาจจะมีความคาดหวังเชิงบวกว่ากำไรน่าจะดีขึ้นจากมาตรการที่แข่งกันอยู่อาจจะเป็นบวกเข้ามา แต่พอราคาที่เคยแพงมีราคาหุ้นประเทศอื่นๆ ที่สูงขึ้นมา ในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นไทยอาจจะถูกลงทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ช่วงหลายๆเดือนถัดไปเงินเฟ้อกระตุ้นเร่งขึ้นมา ฝรั่งที่ออกไปถึงเวลาก็จะกลับเข้ามา เรียกว่าหุ้นไทยอาจจะมาช้าหน่อยแต่เป็นช่วงเวลาที่ดี ยืดเวลาซื้อออกไปสำหรับนักลงทุนระยะยาว ค่อนข้างน่าสนใจแต่รอหน่อย

3 views
bottom of page