พีทีจี เอ็นเนอยี โชว์ปี 2561 มีกำไร 624 ล้านบาท จากผลของรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มเป็น 107,829 ล้านบาท หรือ 27.40% พร้อมก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ผู้ค้าปลีกน้ำมันในประเทศ
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG ชี้แจงผลการดำเนินงานในปี 2561 ว่ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 3,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.40% ว่าเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิถึง 624 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 107,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.40% จากปี 2560 มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 84,625 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 16% และราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้น 9% จากปี 2560 ประกอบกับมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7,443 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2560 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6,254 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทยังเป็นที่หนึ่งในด้านอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของช่องทางค้าปลีกน้ำมันในประเทศ รวมถึงตลาดอุตสาหกรรมน้ำมันเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างช้าของเศรษฐกิจฐานรากเนื่องจากราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ แต่บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางการขายปลีกและขายส่งทั้งหมด 3,921 ล้านลิตร เติบโต 16% จากปีก่อน เนื่องจากเน้นการขายผ่านช่องทางการค้าปลีกเป็นหลัก
“ผลงานที่ผ่านมาทำให้คณะกรรมการมีมติจ่ายเงินปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวัน XD 13 มีนาคม 2562 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 14 มีนาคม 2562
ต่อจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน และการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเบอร์ 2 รวมถึงยังคงเพิ่มความหลากหลายในสถานีบริการ เพื่อเชื่อมโยงการให้บริการของเครือข่ายกับพันธมิตรต่างๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าได้ รวมทั้งได้กำหนดเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊สเป็น 2,000 สาขา และจุดให้บริการในธุรกิจ Non-oil ซึ่งรวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจบริการต่างๆ เป็น 700 สาขา โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 2,500 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท”