บ้านปู รายงานผลการดำเนินงานปี 2561 ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้จากการขายรวม 112,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% แต่กำไรยังหดตัว…ประกาศผนึกกำลัง 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่ส่งเสริม ต่อยอด และเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter หวังเป็นผู้นำด้านพลังงานครบวงจร และผลการดำเนินงานจะดีขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู กล่าวว่า บ้านปู ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางธุรกิจ เพราะเชื่อมั่นว่าการที่ธุรกิจของบริษัทจะเติบโตอย่างยั่งยืนต้องอาศัยระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อประโยชน์และส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ผนึกกำลังระหว่างกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน โดยอาศัยทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยี และศักยภาพของบุคลากร ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันใน 10 ประเทศ การต่อยอดลงทุนหรือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
สำหรับภาพรวมปี 2561 บ้านปู มีรายได้จากการขายรวม 112,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% โดยมีปัจจัยหนุนจากความต้องการถ่านหินที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ปริมาณการขายถ่านหินและราคาถ่านหินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ในรวม 38,062 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในด้านกำไรมีกำไรสุทธิ 6,624 ล้านบาท ซึ่งปรับลดลง 12% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และการบันทึกขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงิน โดยส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนจากการขายถ่านหินล่วงหน้า เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับสูงขึ้น และบันทึกค่าใช้จ่ายจากกรณีหงสาซึ่งเป็นที่ยุติเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้ บ้านปู ก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานแบบครบวงจร อย่างแท้จริงใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และใช้จุดแข็งจากความสามารถในการผนึกกำลังระหว่างกัน (Stronger Integration) ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักมาช่วยในการบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของผู้บริโภค ชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย