Interview: คุณจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี
ประธานห้างขายทองจินฮั้วเฮง/นายกสมาคมค้าทองคำ/ประธานหอการค้าไทย-จีน
ยอดซื้อขายทองคำปี 61 ติดลบ ซ้ำหลังปีใหม่ราคาทองคำร่วงแรง แต่นายห้างจิตติเชื่อว่าไตรมาส 2-3 จะเด้งไปที่ 1,400 เหรียญ/ออนซ์ จังหวะนี้ทยอยเข้าซื้อได้แต่ต้องถือยาว
- สถานการณ์ราคาทองคำเป็นอย่างไร ล่าสุดร่วงลงมาระดับ 1,300 เหรียญต่อออนซ์
ส่วนตัวมองว่าช่วงนี้มันพลิกล็อก คือร่วงมาหลุดแนวรับไป 2 ครั้งแล้ว ล่าสุดหลุดลงมา 1,300 แล้ว ลงมาเยอะ แต่ในขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทก็เปลี่ยนไปเยอะจาก 31 กว่าบาท ก็ขึ้นมาอีก 60 สตางค์ แค่ช่วง 3-4 วันเอง คือจะ 32 บาทแล้ว รู้สึกว่าผันผวนพอสมควร ช่วงราคาทองที่ลดลงมาเยอะๆ ก็คิดว่าน่าจะปกติ ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยให้คำแนะนำกับลูกค้าว่า มันต้องลงมาแรงๆสักทีนึง ถ้าลงมาแรงๆทีนึง ส่วนตัวมองว่า โอกาสที่จะขึ้นไป 1,400 จะมีมากขึ้น มองว่าประมาณไตรมาสที่สองหรือไตรมาสที่สามน่าจะบวกไป 1,400 แต่ต้องลงมาก่อน และตอนนี้ก็ลงมาพอสมควร
- ราคาแถวนี้น่าซื้อหรือไม่
ผมว่าน่าเก็บ อาจจะเก็บสักกลางๆหน่อย แต่ว่าคงจะไม่ใช่สั้นๆ อาจจะผันผวนนิดนึง คือว่าลงมาแรงๆแล้วมีโอกาสจะเร่งขึ้นมาเยอะหน่อย
- ปี 2562 นี้ ทองคำจะไปได้สักเท่าไหร่
ยังมองว่าจะทะลุ 1,400 ค่อนข้างชัวร์ แต่ถ้าคิดเป็นเงินบาทก็ไม่แน่ เพราะช่วงนี้เงินบาทเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ มีขึ้นลงประมาณ 50 สตางค์ ก็แพงกว่าราคาทองก็เกือบๆจะ 300 บาทต่อ 1 บาทราคาทองที่ทำให้ราคาทองเคลื่อนไหว
- คือก็ยังมีโอกาสที่ราคาทองจะขึ้นไประดับ 1,400 เหรียญต่อออนซ์
จากวันนั้นเราผ่านมาเรื่อยๆ จนถึงระดับ 1,290 กว่า เรามาเยอะพอสมควร ซึ่งระดับ 1,290 กว่ามองว่าตัวรับแข็งแกร่งหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองอยู่ที่ระดับ 1,245 แต่ก็ต้องลองดูอีกที เพราะวันนั้นที่ปิดตลาดเพราะเราไปเจอเสาร์อาทิตย์และวันจันทร์ ที่สหรัฐอเมริกาและที่ยุโรปยังเป็นวันอาทิตย์อยู่ และตอนนั้นที่ชัดเจนคือวันอังคารเช้าของเรา ซึ่งต้องรอดูช่วงวันอังคารเช้าจะดีที่สุด ถึงจะเห็นว่ามันจะไปอย่างไร
- ล่าสุดมีการตั้งสำนักงานตัวแทนการค้าของฮ่องกงในเมืองไทย มองเรื่องนี้อย่างไร
ตรงนี้เพราะต่างชาติรวมทั้งจีน ฮ่องกง มองว่าเรามีบางอย่างน่าลงทุน เขาจึงมาตั้งสำนักงานที่นี่เพื่อทำธุรกิจ ทั้ง ชาวฮ่องกง และชาวจีนที่มาลงทุนก็จะมาหาจังหวะ ซึ่งสำนักงานที่เข้ามานี้ ก็เป็นเหมือนตัวแทนรัฐบาลเขาเลย มาเปิดเพื่อส่งเสริมธุรกิจการค้า
- จะเป็นประโยชน์กับเขาหรือเรามากกว่า
เราก็มีส่วนได้ เพราะเขามาทำธุรกิจที่นี่ เราก็ต้องมีเอี่ยวในพื้นที่อยู่แล้ว คือฮ่องกงใกล้ชิดเรามาก มีประสบการณ์มากกว่า จีนจะมีพวกรายใหญ่มา ส่วนฮ่องกงอาจจะมีพวกเอสเอ็มอีมา ทำให้นักธุรกิจเอสเอ็มอีของเราได้ผลประโยชน์มากกว่า
- คิดว่ามีอะไรที่เราต้องรับมือในฐานะเป็นคนไทย
เรากำลังให้ข้อมูล โดยที่ขณะนี้หอการค้าไทย-จีนกำลังปรึกษากันว่าจะเอาข้อมูลไปให้คู่พันธมิตรของฮ่องกงและจีน ซึ่งก็มีประสานมา ให้เชื่อมข้อมูล และมีหน่วยบริการให้ข้อมูลไป และให้คำปรึกษา ถ้ามีอะไรเราก็ยินดีจะให้คำแนะนำและชี้แนะ ตรงนี้เราทำมาปีกว่าแล้วที่ตั้งศูนย์ขึ้นมาแล้วบริการไทย-จีนทั้งที่มาลงทุนกับเราและเราไปลงทุนที่โน่น ซึ่งนักธุรกิจใหม่ๆ ถ้าข้อมูลไม่ชัดเจน ก็อาจจะทำให้เสียหายก็ได้ หากนักลงทุนไทยต้องการข้อมูล ก็มาปรึกษากับเราได้
- มองการเลือกตั้งในไทยอย่างไร
ก็ตั้งความหวังว่า ขอให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่พรรคการเมืองมันเยอะไป ทำให้มันสับสน ซึ่งจากการพูดคุยกับบรรดานักธุรกิจด้วยกันก็ให้ความเป็นห่วงนิดนึงถึงหลังการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ต้องให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าต่อไปได้ และขอให้นโยบายต่อเนื่องกัน เพราะไทยเองมีทรัพยากรมีอะไรที่ดี แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนนโยบาย ทำให้อะไรบางอย่างไม่เดินหน้า อย่างจีน มีการบริหารที่ต่อเนื่อง จะไปอย่างไร นโยบายของรัฐบาลจะต้องต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ชัดเจนไม่ต่อเนื่อง ก็จะถอยหลัง
- การซื้อขายทองเป็นอย่างไร
ไม่ค่อยดี ปีที่แล้วก็ลบพอสมควร หลังเลือกตั้ง เงินอาจจะสะพัดดีขึ้น อาจจะทำให้ธุรกิจดีขึ้นมา ก็ตั้งความหวังอย่างนั้น และตอนนี้ราคาทองก็ลดลงมาแล้ว หวังว่านักลงทุนจะหันมาลงทุนในทองใหม่