top of page
369286.jpg

Coworking Space แบรนด์ต่างชาติโตไม่หยุด เตรียมขยายเพิ่มอีกกว่าเท่าตัวในปี 2562


โคเวิร์คกิ้งสเปซ หรือธุรกิจให้เช่าสถานที่นั่งทำงาน ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผู้ประกอบการแบรนด์ต่างชาติทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาคทยอยเข้ามาเปิดและขยายสาขาในกรุงเทพฯ โดยในขณะนี้ มีแบรนด์โคเวิร์คกิ้งสเปซต่างประเทศเข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจแล้ว 5 ราย มีสาขาคิดเป็นพื้นที่รวมกันทั้งสิ้นกว่า 23,000 ตารางเมตร ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล

นางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน เจแอลแอล เปิดเผยว่า “การที่โคเวิร์คกิ้งสเปซแบรนด์ต่างประเทศเหล่านี้ เน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการที่เป็นบริษัท/องค์กร ทำให้แต่ละสาขามีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก”

รายงานจากเจแอลแอลระยุว่า สถานที่ให้บริการของโคเวิร์คกิ้งสเปซแบรนด์ต่างประเทศในกรุงเทพฯ ณ ขณะนี้ มีขนาดอยู่ระหว่าง 1,000-3,400 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานเกรดเอใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือรถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที

ผู้ประกอบการเหล่านี้บางรายยังรุกขยายธุรกิจเพิ่ม โดยในขณะนี้ มีการเช่าพื้นที่สำนักงานเพื่อเตรียมเปิดสาขาใหม่ในปีหน้าคิดเป็นพื้นที่รวมกันอีกกว่า 30,000 ตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นการเปิดสาขาขนาดใหญ่ที่สุดโดยผู้ประกอบการสองรายคือ Justco ขนาด 8,000 ตารางเมตรในโครงการสามย่านมิตรทาวน์ใกล้สถานีเอ็มอาร์ทีสามย่าน และ WeWork ขนาด 7,600 ตารางเมตรในอาคารที-วันซึ่งมีทางเชื่อมเข้าสถานีบีทีเอสทองหล่อ

“ในความเป็นจริง ผู้ประกอบการบางรายมีแผนการขยายเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ติดอุปสรรคที่อาคารสำนักงานเกรดเอในทำเลชั้นดีของกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มีผู้เช่าเต็มหรือเกือบเต็มหมดแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า เหตุใดโคเวิร์คกิ้งสเปซสาขาใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวขึ้นแทบทั้งหมดจึงอยู่ในโครงการอาคารสำนักงานที่จะสร้างเสร็จในปีหน้า” นางสาวยุพากล่าว

ในระยะแรกเริ่มในอดีต โคเวิร์คกิ้งสเปซจับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้บริการที่เป็นคนทำงานอิสระและธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็ก แต่ในปัจจุบันได้ขยายมาจับกลุ่มลูกค้าระดับบริษัท/องค์กรเพิ่มมากขึ้น

นางสาวยุพากล่าวว่า “สำหรับบริษัท/องค์กรส่วนใหญ่ การใช้โคเวิร์คกิ้งสเปซยังคงเป็นเรื่องใหม่ในขณะที่มีบางบริษัทกำลังอยู่ในช่วงของการทดลองใช้ อย่างไรก็ดี จากการพูดคุยกับบริษัทขนาดใหญ่หลายๆ ราย พบว่า มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่สนใจพิจารณาใช้โคเวิร์คกิ้งสเปซเป็นสำนักงานทางเลือกรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีการผูกมัดด้วยสัญญาเช่ายาวดังเช่นการเช่าสำนักงานปกติทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการในรูปแบบของการสมัครสมาชิก ซึ่งทำให้บริษัทที่ใช้บริการสามารถปรับเพิ่มหรือลดปริมาณจำนวนที่นั่งที่ต้องการใช้ได้ตามความจำเป็นในกรณีที่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนพนักงาน อีกทั้งยังมีความเหมาะสมสำหรับเช่าใช้เป็นที่ทำงานให้กับพนักงานที่ไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานประจำในออฟฟิศ อาทิ ทีมงานฝ่ายขาย หรือทีมงานที่ดูแลงานเป็นรายโปรเจ็คต์”

“อย่างไรก็ดี บริษัทต่างๆ ที่สนใจ ส่วนใหญ่ต้องการใช้โคเวิร์คกิ้งสเปซเป็นสถานที่ทำงานเสริมมากกว่าที่จะใช้แทนสำนักงานรูปแบบเดิมที่มีอยู่โดยสิ้นเชิง” นางสาวยุพากล่าว

แต่แม้กระนั้น โคเวิร์คกิ้งสเปซยังคงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

รายงานการวิจัยของเจแอลแอลที่มีเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า ปริมาณออฟฟิศที่มีความยืดหยุ่นให้เช่า (หมายรวมถึงโคเวิร์คกิ้งสเปซและเซอร์วิสออฟฟิศ) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 40% โดยขณะนี้ มีปริมาณพื้นที่รวมทั้งสิ้นคิดเป็น 2% ของปริมาณพื้นที่สำนักงานที่มีอยู่ทั้งหมด เทียบกับปี 2558 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 0.5%-1%

แนวโน้มเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในเอเชียแปซิฟิก โดยในช่วงระหว่างปี 2557-2560 ออฟฟิศที่มีความยืดหยุ่นให้เช่าในภูมิภาคมีปริมาณขยายตัวเพิ่มขึ้น 35.7% สูงกว่าอเมริกาและยุโรปที่มีการขยายตัวในอัตรา 25.7% และ 21.6% ตามลำดับ

5 views
bottom of page