top of page
327304.jpg

ทำนายราคาหุ้น TIGER 4.65-5.40 บาท จะเป็นพี่เสือสุดแกร่ง-อนาคตสดใสกำไรสวย


เทพหุ้นทำนายราคาเหมาะสมของพี่เสือ TIGER อยู่ในระหว่าง 4.65-5.40 บาท ระบุชัดเจนปัจจัยพื้นฐานสุดแกร่ง มีจุดเด่นเป็นผู้รับเหมารายเล็กแต่ศักยภาพสูง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ระบุหลังระดมทุน IPO จะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บ ปลดล็อคข้อจำกัดด้านเงินทุน และมีโอกาสคว้างานใหม่อีกเพียบ ผนึกกับ Backlog ที่มีในมือแล้ว 655 ล้านบาท ช่วยหนุนรายได้ปีหน้าทะยานแตะ 1,400 ล้านบาท กำไรพุ่ง 153 ล้านบาท ส่วนปี2561 ประเมินมีกำไร 90 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ไทยอิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TIGER) ประเมินมูลค่าหุ้น TIGER ด้วยวิธี Price to Earning Ratio (P/E Ratio)โดยอ้างอิงจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน อาทิ SYNTEC PREB TPOLY และ CRD ซึ่งมี P/E Ratio อยู่ในช่วง 8-15 เท่า โดยใช้ Prospective P/E ที่ 15 เท่า เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของบริษัทที่สูงกว่ากลุ่ม โดยประเมิน EPS ปี 2562 อยู่ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม 5.00 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 3.3% ต่อปี

ทั้งนี้ TIGER ถือเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายเล็กที่มีศักยภาพสูง โดยคาดว่ารายได้ปี 2561-2562 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากงานในมือ (Backlog ) สิ้นเดือน มิ.ย. ที่มีอยู่ 655 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปี 2561 ทั้งหมด ช่วยหนุนรายได้และผลประกอบการในครึ่งหลังของปีนี้เติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะช่วยปลดล็อคข้อจำกัดด้านเงินทุน เนื่องจากงานรับเหมาก่อสร้างโดยปกติจะใช้เงินทุนหมุนเวียนราว 20-30% ของมูลค่าก่อสร้าง

ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ TIGER จะมีรายได้ราว 869 ล้านบาทเติบโต 41% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้ Backlog ที่มีในปัจจุบัน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับลงจากปีก่อนที่ 18.5% สู่ระดับ 17.6% เนื่องจาก Backlog ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 4.0% ของยอดขาย

ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดว่าในปี 2561 นี้ TIGER จะรายงานกำไรสุทธิราว 90 ล้านบาท +33% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปี 2562 รายได้จะเติบโตต่อเนื่องสู่ 1.4 พันล้านบาท +77% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าประมูลงานใหม่หลังได้รับเงินจากการระดมทุน และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 153 ล้านบาท +70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บล.เคทีบี(ประเทศไทย)ได้คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2561 ของ TIGER จะอยู่ที่ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน โดยมาจากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) เหลืออยู่ราว 655 ล้านบาท ซึ่ง ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะรับรู้ได้ในครึ่งปีหลังนี้ที่ 73% และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2562

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากมูลค่างานคงเหลือส่วนใหญ่เป็นงานภาคเอกชนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น งานก่อสร้างโรงแรมลาบารีส คอนโด Dolce และโรงแรม i-Tara เป็นต้น

ส่วนปี 2562 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 142 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 59% จากคาดการณ์ว่า TEC จะเข้าบิทงานมูลค่าสูงได้มากขึ้นตามจำนวนบุคลากรและเงินทุนของบริษัท รวมทั้งธุรกิจสนับสนุนมีการเติบโต

ทั้งนี้ ได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2562 ของ TIGER ได้ที่ 5.40 บาท อิง Forward PER ปีหน้าเฉลี่ยของกลุ่มรับเหมาที่ 17.60 เท่า และ EPS ปี 2562 ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น

บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุการเพิ่มทุน IPO ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทในการขยายงาน และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการประมูลงานโครงการที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้มากกว่าปัจจุบันที่พึ่งพาลูกค้าเพียงไม่กี่ราย

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่แบงก์ชาติปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไทยปี 2561-2562 ขึ้นเป็น 4.4% และ 4.2% โดยเฉพาะจากการลงทุนภาครัฐและเอกชน จะยิ่งเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้ตลาดรับเหมาก่อสร้างกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศไทยได้ในระยะยาว เช่น รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน SEZs และ EEC ที่ส่งผลไปถึงภาคการท่องเที่ยวของไทย ที่ขยายตัวได้ดีอยู่แล้วให้ยังคงเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต โดยจำนวนโครงการที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประมูลงานของ TIGER ให้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ได้ประเมินราคาเหมาะสมของ TIGER ด้วย Forward PE ปี 2562 ที่ 15 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 4.65 บาท โดยให้ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมย้อนหลัง 3 ปีที่ประมาณ 20 เท่า เนื่องจาก Backlog ที่มีไม่มาก และ TIGER ยังต้องพิสูจน์ว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าพร้อมกับรักษาวิศวกรของบริษัทเอาไว้ได้

5 views
bottom of page