ต่างก็ยืนยันไม่ได้ขายหุ้น ทั้งจอมทรัพย์และประเดช หลังจากที่ราคาหุ้น SUPER ถูกหั่นลงมาในวันในเดียวติดฟลอร์ 30% หรือราว 50 สตางค์/หุ้น จนจอมทรัพย์ผู้ถือหุ้นใหญ่โอดขอ ก.ล.ต.ตรวจสอบรายการซื้อขายเพราะทำให้เสียหายหนัก งานนี้ว่ากันว่าไม่ต้องไปรอฟังผลว่าใครขาย แต่ต้องตั้งคำถามใหม่ว่า ใครยังจะซื้อ SUPER อีกไหม
หลังจากเกิดปรากฎการณ์กระหน่ำทุบขายปังๆหุ้น SUPER จนติดฟลอร์ 30% เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา เกิดเป็นคำถามขึ้นลั่นตลาดว่า “ใครทุบ ขายหุ้น SUPER?”
แม้กระทั่งผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง นายจอมทรัพย์ โลจายะ และ นายประเดช กิตติอิสรานนท์ก็ยัง ออกมาตั้งคำถามว่า ใครขายหุ้น และถึงขั้นประกาศเดินเรื่องขอ ก.ล.ต.ให้ตรวจสอบรายการซื้อขายที่เกิดขึ้นโดยระบุว่าเป็นกระบวนการทุบหุ้น และแอบอ้างปล่อยชื่อ นายประเดช ว่ากำลังขายหุ้นในมือออกไป ผ่านโบรกเกอร์รายหนึ่ง
ในวันที่ 1 มิถุนายนที่ ราคาหุ้น SUPER ตกหนักดังกล่าว มีปริมาณการซื้อขายสูงผิดสังเกต ถึง 3,896,91 ล้านหุ้น ราคาปรับลดลงจาก ที่ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 ปี ที่ 1.48 บาทต่อหุ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ลงมาปิดที่ 1.04 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตอีกว่า ในช่วงกว่าปีที่ผ่านมาราคาหุ้น SUPER อยู่ในแนวโน้มลง ปรับถอยลงมาตลอด จากปลายปี 2560 ที่กว่า 1.60 บาท โดยราคาปรับลดลงมาต่ำสุดที่ 0.82 บาทเมื่อ 5 เมษายน 2561 จากนั้นก็มีอาการพลิกฟื้น โดยมีความเคลื่อนไหว ขยับขึ้นจนทำให้นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนหรือซื้อหุ้นเอาไว้เริ่มคึกคักในภาวะที่ตลาดหดตัวขนาดหุ้นใหญ่ๆบลูชิพยังถูกขาย ทั้งนี้ราคาหุ้น SUPER ปรับขึ้นสวนทางตลอดในช่วง 2 เดือนมานี้จนเหนือ 1 บาท และต่อมาถึง 1.48 บาท ขณะที่บริษัทเองก็มีข่าวที่ดีๆ เป็นปัจจัยพื้นฐานออกมาสนับสนุนเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยไม่คิดว่าจะมีใคร เททิ้ง พรวดเดียวในวันที่ 1 มิถุนายน แบบทำให้นักลงทุนที่เข้ามาซื้อเลือดสาดได้แม้จะเป็นหุ้นเล็กราคาบาทเศษๆนี่แหละ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ ขาย SUPER ติดฟลอร์ดังกล่าว นายจอมทรัพย์ โลจายะ จับมือ นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันว่า ไม่ได้ขายหุ้น SUPER พร้อมกันนี้นายประเดชยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า
"การกระทำทุบหุ้น SUPER ถือเป็นการจุดฉนวน มีโบรกเกอร์รายหนึ่งแอบอ้างชื่อผมว่ามีแผนขายหุ้นตอน 1.50 บาท ซึ่งเรื่องนี้ผมตกเป็นผู้ร้าย กำลังทำหนังสือยื่นให้ ก.ล.ต. มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ผมเหลือถือหุ้นไม่เยอะแล้ว ทำขนาดนั้นคงไม่ได้ คิดว่าน่าจะมีกระบวนการที่ใหญ่มาก ซึ่งการทุบหุ้นคิดฟลอร์ใน 30 กว่านาที ผมมองเป็นเรื่องชั่วร้าย เลวทราม เป็นสิ่งที่รับไม่ได้"
ขณะเดียวกันกับที่ นายจอมทรัพย์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่สุดยืนยันว่า ไม่ได้ขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว และยังมั่นใจว่า SUPER มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง อนาคตสดใส สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้แน่นอน ด้วยปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือ 740.06 MW วางเป้าสิ้นปีนี้ COD ถึง 854 MW โดยเดือนนี้โรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังการผลิต 9 MW จะเปิดจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ยังมีแผนจะยื่นไฟลิ่งภายในเดือนมิถุนายนนี้เพื่อตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ภายในปี 2561 นี้อีกต่างหาก เพราะไม่ต้องการเพิ่มทุนซึ่งจะเป็นการรบกวนเงินในประเป๋าผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว คำถามว่า คงจะหาคำตอบยาก เหมือนกับหุ้นอีกหลายตัวก่อนหน้านี้ ที่เกิดคำถามว่า ใครทุบ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
สำหรับหุ้น SUPER ใครทุบหุ้นอย่างไรหรือไม่ คงไม่ต้องถาม แต่ถามว่าต่อจากนี้ ใครจะ(กล้า)ซื้อหุ้น SUPER หรือไม่จะดีกว่า