บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ชี้บาทอ่อนสะท้อน Fund Flow จะยังไม่เข้าลงทุนไทย ส่งผล SET Index ขึ้นได้จำกัด และแกว่งผันผวนตามกรอบ 1,760-1,800 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ให้ความเห็นถึงกรณีที่เกิดขึ้นและเป็นที่จับตาดูกันมากคือ Bond Yield 10 ปีสหรัฐสูงกว่าไทย ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างมาก ว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Fund Flow จะยังไม่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ซึ่งน่าจะทำให้ SET Index ยังต้องเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,800 จุดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ SET Index ผันผวนต่ำกว่า 1,800 จุด ต่ออีกระยะหนึ่ง นับตั้งแต่ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า Bond Yield 10 ปีของไทย เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2561 และคอยเปิดช่วงหางมากขึ้นจนปัจจุบัน Bond Yield สหรัฐสูงกว่าของไทยราว 0.37%
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เงินบาทเมื่อเทียบกับ USD อ่อนค่าลงโดยในเดือน เม.ย. 61 อ่อนค่าลง 1.39% ภาวะดัง กล่าวกดดันให้ Fund Flow อยู่ในทิศทางที่ไหลออกต่อเนื่อง โดยจากต้นปี 2561 ถึงปัจจุบันต่างชาติขายตลาดหุ้นไทยราว 7.5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการขายในเดือน เม.ย. ราว 1.6 หมื่นล้านบาท
สำหรับทิศทางของ Fund Flow ในช่วงจากนี้ประเมินว่า จะยังไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวคือ จะยังไม่เห็น Fund Flow ไหลกลับเข้ามา แต่ในทางตรงข้ามอาจไหลออกได้อีกบางส่วน
ทั้งนี้เป็นเพราะยังเห็นสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย ในสหรัฐที่ชัดเจนขึ้น (สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจเชิงบวก) ซึ่งจะหนุนให้ค่าเงิน USD แข็งค่าและ Bonnd Yield สหรัฐอยู่ที่ระดับสูง ภาวะดังกล่าวทำให้คาดว่า SET Index ระยะสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมจะผันผวนอยู่ภายใต้ระดับดัชนี 1,800 จุดต่อ
คาดกำไรสุทธิตลาดปี 2561 ที่ 1.09 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS 109.9 บาท ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งที่ฝ่ายวิจัยศึกษาทำกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 รวมกันอยู่ที่ 5.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.7% เทียบไตรมาต่อไตรมาส และ 1.0% เทียบปีต่อปี สงกว่าที่คาดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย สวนทางกับการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ
ส่วนผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียมฯ จะมีผลกระทบตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการเพื่อสะท้อนเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับรายการปรับปรุงในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เฉพาะอย่างยิ่ง ICT คาดประมาณการกําไรใหมของบริษัทจดทะเบียนจะลดลงมาอยู่ที่ 1.09 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ปี 2561 อยู่ที่ราว 109.9 บาทต่อหุ้น เทียบกับประมาณการเดิมที่112.4 บาทต่อหุ้นที่ SET Index ปัจจุบันให้ค่า PER ราว 16 เท่าแนะนํา Switch หุ้น PTT และ PTTEP หลังราคาปรับขึ้นมาจนเต็ม Fair Value ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นแตะ 70 เหรียญตอบาร์เรล โดยมีความกงวลด้าน Supply ที่จะหายไปจากความ ขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งนำไปสู่การที่สหรัฐจะกลบมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ในส่วนของการส่งออกน้ำมันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม Supply ก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นจาก สหรัฐฯที่มีแนวโน้มจะเพิ่มการผลิตขึ้นสู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
สภาพแวดล้อมดังกล่าวน่าจะทำให้ภาวะสมดุล Demand-Supply น้ำมันโลกอาจขึ้นล่าช้าออกไป ฝ่ายวิจัยคงสมมติฐานราคาน้ำมันปีนี้ไว้ที่ 65 เหรียญต่อบาร์เรลเช่นเดิม ขณะที่ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP ช่วงที่ผ่าน มาปรับขึ้นไปมากจนเกินปัจจัยพื้นฐาน
ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ switch ไปยังหุ้นที่มี upside เช่น IRPC แทน เลือก HANA จากเงินบาทอ่อนค่า และ PYLON ที่กําไร 1Q61เป็น All time high