บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)
การตกต่ำของตลาดหุ้นโลก ทำให้ตลาดหุ้นไทยพลอยตกต่ำตามไปด้วย ก็มีการออกมาอ้างถึงเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อให้ฟังดูรับกับการที่ตลาดต้องปรับตัว แต่กลับไม่ค่อยมีการไตร่ตรองพิจารณาว่า เหตุผลที่แท้จริงของการดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดนำของตลาดหุ้นโลก จึงพากันคิดแบบเหมารวมไปทุกตลาด จึงเป็นการบิดเบือนหลายตลาดที่ไม่ได้มีส่วนหรือมีเหตุที่สอดคล้องกับสหรัฐอย่างการพิจารณาเรื่องธุรกิจในตลาดในแต่ละประเทศ เมื่อพิจารณาในธุรกิจน้ำมันจะพบว่าปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงยืนอยู่ระดับสูง เป็นราคาที่สูงกว่าที่เคยคาดหมายมาก จึงมีผลดีกับการประกอบการของธุรกิจนี้โดยตรง เท่ากับบอกให้รู้ว่าธุรกิจน้ำมันกำลังดีขึ้นมาก ราคาหุ้นธุรกิจนี้ก็ควรจะดีไปด้วย เมื่อมาดูที่ BCP ซึ่งเป็นธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจะพบว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีมา 3 ปีแล้ว โดยเฉพาะปี 2560 ที่คาดว่าจะมีผลกำไรดีกว่าหลายปีก่อนมาก เพราะดูจากผลกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 แล้ว มีกำไรในระดับ 4,392.66 ล้านบาท กำไรสูงกว่าปี 2558 และยังใกล้เคียงกับปี 2559 ซึ่งเป็นกำไรเต็มปี แต่ BCP ยังรอผลกำไรไตรมาส 4 ซึ่งดูจากภาวะราคาน้ำมันที่ยังสูงขึ้นแล้ว ก็คาดได้ว่าจะเป็นช่วงที่มีกำไรสูงในปี 2560 จึงประเมินได้ว่า ตลอดปี 2560 BCP เพราะจะมีกำไรมากกว่า 6,000 ล้านบาท ก็จะมีกำไรต่อหุ้นที่ 4.36 บาท เพียงประเมินราคาหุ้นด้วยพีอี 11 เท่า จะได้ราคาที่ 47.96 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 41.75 บาท จึงมี upside ได้อีกถึง 14.87% แล้วยังจะได้เงินปันผลอีก 5% ด้วย จึงน่าลงทุนมาก
ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC)
การตกต่ำของราคาหุ้น SYNTEC ซึ่งทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาจทำให้นักลงทุนส่วนมากคิดกันเองว่าไม่สู้ดี หรือผลการดำเนินงานไม่ดีพอ แต่ความเป็นจริงตรงกันข้าม เพราะเมื่อดูที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2561 นี้ จะพบว่ามีงานโครงการขนาดใหญ่มากมายเกิดขึ้น ทำให้สามารถคาดหวังงานประมูลขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นมาก และงานขนาดใหญ่บางโครงการก็ได้เริ่มประมูลกันมาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว เท่ากับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีทั้งงานเก่าและงานใหม่เพิ่มเติมเข้ามามากขึ้น จึงมั่นใจได้ว่าปี 2561 นี้ธุรกิจนี้จะมีผลประกอบการที่ดีกว่าปีก่อนแน่นอน เมื่อมาดูที่ SYNTEC ก็คงเห็นผลค่อนข้างชัดเจนแล้วว่ามีผลประกอบการที่ดีขึ้นนับจากปี 2560 แล้ว เพราะแค่ 9 เดือนแรกของปี 2560 SYNTEC ก็ทำกำไรได้แล้วถึง 766.88 ล้านบาท ดูจากผลกำไรที่ทำได้แต่ละไตรมาสกว่า 250 ล้านบาท ทำให้ประเมินได้ว่าตลอดปี 2560 SYNTEC คงจะมีกำไรมากกว่า 1,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นจะได้ที่ 0.64 บาท ดังนั้น เมื่อมาประเมินราคาหุ้นด้วยพีอีแค่ 10 เท่า ยังได้ราคาที่ 6.40 บาท แต่ราคาในตลาดปัจจุบันอยู่แค่ 5.50 บาท จึงมี upside ได้อีกมากถึง 16.36% โดยยังจะได้เงินปันผลอีกประมาณ 2.9% ด้วย ทำให้ SYNTEC ยังลุ้นลงทุนได้ดี
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
มองหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ในปัจจุบัน ต้องบอกว่ามีราคาที่ผันผวนมากกว่าในอดีต จนทำให้สามารถลุ้นเก็งกำไรระยะสั้นได้ดี ด้วยฐานะธุรกิจที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ จึงมีความมั่นคงสูง ความเสี่ยงของธุรกิจแทบไม่มี ในการลงทุนจึงมองแค่ผลประกอบการของธนาคารก็เพียงพอแล้ว แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารเกิดปัญหา NPL จากลูกค้ารายใหญ่บางราย ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้จำนวนมากต่อเนื่องมา 3 ปี โดยเฉพาะปี 2560 ได้ตั้งสำรองมาก มีผลให้กำไรของธนาคารลดลงมาก มองเผินๆ อาจน่าวิตกและกังวล แต่มองไกลออกไป กลับจะพบว่าเป็นการดีที่มีการตั้งสำรองหนี้เสียเพียงพอแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องมาตั้งสำรองเพิ่มมากอีก และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมาก จนปี 2561 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตกว่า 4% ทำให้ปัญหา NPL จะลดน้อยลง จึงมีความเป็นไปได้มากที่ปี 2561 นี้ SCB จะกลับไปมีกำไรในระดับปกติที่ 5.3 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะเป็น 15.69 บาทได้อีก เมื่อมาประเมินราคาหุ้นด้วยพีอีแค่ 11 เท่า จะได้ราคาที่ 172.59 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่ที่ 151.50 บาท จึงมี upside ได้อีก 13.92% และยังจะได้เงินปันผลอีกประมาณ 3.96% ด้วย ทำให้ SCB ยังน่าลุ้น และน่าลงทุนต่อไป