นางนิภาพรรณ รี้พลกุล ที่ปรึกษาการลงทุน ฝ่ายวางแผนการลงทุนส่วนบุคคล บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ที่จัดขึ้นโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” แนะลูกค้าที่จะลงทุนใน RMF หรือ LTF ถือว่าท่านทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของท่านแล้ว ส่วนลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักเลยว่า RMF หรือ LTF คืออะไร ก็ต้องเรียนว่าท่านโชคดีที่อยู่ในประเทศไทย เพราะ RMF หรือ LTF คือการคืนภาษีในรูปแบบออมเงิน ในโลกนี้มีประเทศไทยประเทศเดียว ประเทศอื่นไม่คืนเงินออมของการลงทุน เพราะฉะนั้นประเทศไทยโชคดีมากที่จะใช้โอกาสนี้ ถ้าไม่ใช้จะเสียโอกาสเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ การลงทุนกับการออมเงินจะต่างกัน ออมเงินคือเรามีเท่าไหร่ดีที่สุดคือฝากแบงก์ ซึ่งจะได้นิดหน่อย ได้ประมาณ 0.5% หรือ 1-2% ตามระยะเวลาที่ฝาก การออมเงินที่ทำให้เราสามารถมีความมั่นคงในชีวิตได้ คือ การลงทุน คนส่วนใหญ่มองแค่การออมเงินแต่ลืมไปว่าจริงๆ แล้วการออมเงินไม่ใช่เราทำคนเดียว เรามีรัฐบาลช่วยและสิ่งที่ช่วยเราโดยที่ไม่มีใครรู้ คือ ระยะเวลา โดยระยะเวลาในการออมเงินจะช่วยทำให้เราจาก 1+1 ไม่ได้เป็น 2 แต่กลายเป็น 3-5 ได้ เพราะฉะนั้นก็อยากให้รีบลงทุนเร็วที่สุด ยิ่งออมเงินเท่าไหร่ ระยะเวลาที่เป็นตัวช่วยพวกเราจะทำให้รวยขึ้น ออมก่อนรวยกว่าจะเห็นชัดเลยว่าในชาร์ตคนออมเงินตอนอายุ 20 ปี กับ 50 ปี จะแตกต่างกันมากคือดูแล้วจะตกใจมาก ถ้าท่านคนไหนสนใจให้ไปดูชาร์ตได้ในสัมมนาในงาน Thailand Smart Money
ส่วนการลงทุนของ RMF หรือ LTF ในปี 2559 นี้มีเงื่อนไขพิเศษว่าจะต้องถือให้ครบ 7 ปีนั้น นางนิภาพรรณ กล่าวว่า ช่วงนี้มีลูกค้าหลายคนที่พบตามปกติมีการออมอยู่แล้ว แต่ปีนี้ไม่ซื้อเพราะ 5 ปีถอนได้แต่อันนี้ต้อง 7 ปี ก็เลยต้องอธิบายให้ฟังว่าจริงๆ แล้วการลงทุนในหุ้นต้องมีระยะเวลา ระยะเวลาในความปลอดภัยในหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ไทย คือ 7 ปี จริงๆ ดีใจมากที่เปลี่ยน RMF จาก 5 ปีเป็น 7 ปี เพราะว่ามันได้ Cycle ของตลาดหลักทรัพย์ไทยพอดีว่า ถ้าคนลงทุนใน SET แล้วถือครบ 7 ปี โอกาสขาดทุน คือ 0% แล้วผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณสูงสุด 10% ต่อปี เพราะฉะนั้นระยะเวลา 7 ปีลงตัวมาก
“ก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าฟังและบอกกับเขาว่า การลงทุน RMF หรือ LTF คือ การออมเงิน อย่าคิดว่าครบ 7 ปีแล้วถอน ถอนเพื่อหมุนใหม่ เพราะว่าจริงๆ เราอยากได้ว่าเงินตัวนี้เป็นเงินลงทุนแล้วฝากยาวๆ การฝากยาวๆ ระยะเวลาจะให้ผลตอบแทนมากขนาดไหน ระยะเวลา 7 ปีเป็นระยะเวลาเพอร์เฟคมากๆ สำหรับการออม LTF อย่าเอาไปเป็นเงื่อนไข เป็นโอกาสเพราะ 7 ปี โอกาสขาดทุน คือ 0% แล้วรีเทิร์น คือ 10% ขึ้นไป” นางนิภาพรรณแจง”
ถ้าสมมุติว่าเป็นกองทุนรวมธรรมดา ปีนี้ได้ 10% ปีหน้าได้ 15% ปีต่อไปติดลบ 20% ก็จะดูวุ่นวาย แต่ด้วยตัวนี้บังคับให้อยู่ครบ 7 ปี คือ บังคับให้เรารวย เพราะฉะนั้นครบ 7 ปีเราจะได้ปีละ 10% และยังมีกองทุนของ MFC ที่เจอลูกค้ารายหนึ่งเดินมากับลูก มาขอบคุณส่วนตัวว่าที่เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว แนะนำให้ซื้อกองทุน RMF ลงทุนตอนนั้นไป 1 ล้านบาทตอนนี้มี 7 ล้านบาทแล้ว ตอนนั้นลงทุนเริ่มจากกองหุ้น RMF ซึ่งตอนนั้นมีราคา 10 บาท ตอนนี้กว่า 70 บาท เพราะฉะนั้น 1 ล้านบาทกลายเป็น 7 ล้านบาทแล้วบังเอิญกองทุน RMF ไม่ให้ถอนจนกว่าอายุ 55 ปี แล้วไม่มีการจ่ายเงินปันผล เพราะฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกใส่เข้าไป ทำให้เข้าได้ 700% ในระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา”
นางนิภาพรรณกล่าวว่าในงาน Thailand Smart Money สำหรับ MFC ขอฟันธงไปเลยว่า RMF ให้ลงทุนเป็น Value ถ้าลูกค้าลงทุน 1 ล้านบาทเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วก็จะได้ 7 ล้านบาท คือ ซื้อกองทุนนี้เลย ส่วนอีกกองทุน คือ MDLLTF อันนี้เป็นกองหุ้นอยู่แล้ว ตัวนี้เป็นตัวที่ MFC ได้รับรางวัลกองทุนดีเด่นสำหรับ LTF ของปี 2015 กองทุนนี้คิดค่าเฉลี่ยที่ 5 ปี MFC เป็นที่ 1 แล้วในปี 2559 นี้ก็จะมีตัวใหม่ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า เพราะลูกค้าก็ไม่ได้อยากลงทุนกับตราสารหนี้เพราะมีผลตอบแทนต่ำ อยู่หุ้นในระยะยาวดีแต่ระหว่างทางอดทนไม่ได้เวลาขาดทุนแถมถอนไม่ได้ก็ยังพาอารมณ์เสีย
“MFC จึงมีกองเงินระหว่างกลาง คือ กองทุน PROPERTY RMF เฉลี่ยผลตอบแทนของกองทุน PROPERTY RMF ประมาณ 7%ต่อปี น่าจะเป็นทางเลือกอยู่ตรงกลางว่าถ้าไม่ชอบหุ้นและอยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ก็มาอยู่ที่ PROPERTY RMF ได้ เพราะ PROPERTY RMF ได้รายได้ที่แน่นนอนสม่ำเสมอ แล้ว MFC ก็มีกองทุน PROPERTY RMF เป็นของตัวเองที่รู้ว่าทุกกองจะได้เฉลี่ย 7%ต่อปีมาตลอด” นางนิภาพรรณแนะนำ
“คนที่จะไปซื้อกองทุนอย่างเด็กจบใหม่ได้เงินเดือน 15,000 บาท ก็อยากจะให้ออมแล้ว 5%ของ 15,000 บาท คือออมตั้งแต่เดือนแรกเลย แต่ถ้ารายได้อยู่ฐานภาษีที่ไม่ต้องชำระ ก็ออมไว้เพื่อชีวิตของคุณเอง เพราะว่ามีการทำชาร์ตว่าอายุ 26 ปีลงทุนไปถึงอายุ 60 ปี ถ้าลงทุนหุ้นอย่างเดียวจะได้ผลตอบแทน 41 ล้านบาท อันนี้หุ้น 100% ออมแบบโดยสมมุติฐานว่าเงินเดือนขึ้น 5%ต่อปี แล้วออมเงิน 5% โดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้ามีการปรับสัดส่วนตัวเลขก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าทุกคนเห็นกราฟแล้วจะตกใจว่าเป็นของง่ายๆ สิ่งที่การลงทุนต้องการ มี 3 อย่าง คือ 1.เงินออมของเรา 2.การเลือกองทุนที่เราชอบแล้วลงทุน 3.ตัวช่วยที่ทุกคนมีแต่ไม่นึกถึง คือ ระยะเวลา ตัวนี้ทำให้เราได้มากมายแต่ทุกคนลืมคิด”