top of page
312345.jpg

ยืน 1,510 จุดได้ก่อนค่อยตามไปเฮ!


ยังมีลุ้น ! “นายหมูบิน” มองว่าประเด็นที่นักลงทุนต้องการรู้มากที่สุดเวลานี้ คือในทางเทคนิคนั้นการปรับตัวขึ้นมาเกือบ 100 จุดจากบริเวณ 1,410 จุดมาที่ 1,505 จุดในเวลาเพียง 10 วันนั้น เป็นการจบรอบการพักฐานในรอบนี้แล้วหรือยัง หรือเป็นเพียงแค่การดีดตัวของ Wave B หรือการ Technical Rebound แล้วลงต่อเพื่อจบ Wave C ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นเหนือ 1,560 จุดอีกครั้งเพื่อปิด Wave 5 ใหญ่ คำตอบของ “นายหมูบิน” ในเชิงเทคนิคกรณีที่จะยืนยันว่าการพักฐานของ SET ในรอบนี้จบแล้วมีจุดตัดสินใจง่ายๆ คือในรายสัปดาห์ หรือ Weekly SET ต้องปิดเหนือ 1,510 จุด หรืออย่างแย่ที่จำเป็นต้องลดพอร์ตจริงๆ SET ต้องปิดไม่ต่ำกว่า 1,440 จุดเด็ดขาด

โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้ คือ 1) SET จำเป็นต้องกลับไปปิดเหนือ 1,510 จุดให้ได้อีกครั้ง เพื่อกลับไปยืนบนเส้น Uptrend Line ที่เคยหลุดลงมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.2559 ซึ่งถ้าทำได้จะทำให้สัญญาณการพักฐานในรอบที่ผ่านล้มมาเหลว และต้องมีการกำหนด Uptrend Line ใหม่ โดยกำหนดจุดเชื่อมที่ 1,220 จุด (11 ม.ค.2559) และ 1,410 จุด (12 ก.ย.2559) แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าในสัปดาห์นี้ SET ไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,510 จุดได้ และถอยตัวลงมาปิดสัปดาห์ต่ำกว่า 1,480 จุดอีกครั้ง บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วันที่ 1,440 จุดจะทำหน้าที่เป็นแนวรับที่สำคัญมากๆต่อไปทันที

2) ในเชิงของ Downside Risk กรณีที่ SET ในรายสัปดาห์ หรือ Weekly ถอยตัวลงมาปิดต่ำกว่า 1,440 จุด จะเป็นการยืนยันว่าการพักฐานของ SET ยังไม่จบ และ SET จำเป็นต้องลงไปจบ Wave C ที่บริเวณ Fib Node 1.618 บริเวณ 1,350 จุดอีกครั้ง ก่อนที่จะมานั่งคิดถึงการปรับตัวขึ้นเหนือ 1,560 จุดอีกครั้งเพื่อปิด Wave 5 ใหญ่ ซึ่งอาจจะเกิด หรือไม่ก็ได้ (ต้องลุ้นทั้งในเชิงเทคนิค และพื้นฐานเป็น Step ไป) ซึ่งความเป็นไปได้ในกรณีนี้มีสูงเหมือนกัน เนื่องจากวันนี้ตลาดค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.2559 นี้แน่ๆ สะท้อนออกมาจากทิศทางของ Fed Fund Futures ที่สามารถตีความได้ว่าความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค.2559 เพิ่มขึ้นจาก 49.7% ในสัปดาห์ก่อนหน้า 58.6% และถือว่าความน่าจะเป็นในกรณีดังกล่าวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับตัวเลขในวันที่ 1 ส.ค.2559 ที่ระดับ 35.7% ตามเท่านั้น

และโดยส่วนตัวของ “นายหมูบิน” เองยังคงประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้หนึ่งครั้งในการประชุมเดือน ธ.ค.2559 ดังนั้นในเบื้องต้นนักลงทุนที่ลงทุนระยะกลาง-ยาว กรณี SET ถอยไม่ต่ำกว่า 1,480 จุดน่าจะยังพอถือหุ้นต่อเพื่อลุ้นโอกาสที่ SET จะกลับไปปิดเหนือ 1,510 จุดอีกครั้งได้ แต่กรณีซื้อเพิ่มผมมองว่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นมาเร็วเกินไป และเริ่มสูญเสีย Momentum บ้างแล้ว ดังนั้นรอก่อนได้ไม่เสียหายครับ แต่ถ้าจะกัดฟันซื้อควรมี 1,440 จุดเป็นจุดถอยที่ต้องมีวินัยในการปรับพอร์ตด้วย ส่วนนักลงทุนระยะสั้นคงต้องเป็นในลักษณะของการเก็งกำไรวันต่อวัน ซึ่งทำได้โดยมีจุดหมุน และ Cut Loss ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์คือ 1,480 และ 1,440 จุดตามลำดับครับ

ขึ้นต่อเดือน ต.ค.2559 น่าขายก่อน ! : “นายหมูบิน” มองว่าถ้า SET ฝืนขึ้นต่อไปจะเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะเป็นโอกาสในการขายปรับพอร์ตสำหรับนักลงทุนระยะกลาง และขายทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน ต.ค.2559 น่าจะเป็นโอกาสที่ดีมาก เนื่องจาก “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐในฐานะตัวแทน หรือ Proxy ของตลาดหุ้นโลกน่าจะได้ประโยชน์จากกระแส Election Rally พอสมควรแม้จะไม่น่าเยอะเหมือนครั้งก่อนๆก็ตาม และเหตุผลในเชิง Seasonality ที่ระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) เดือน ต.ค.2559 จะเป็นเดือนที่ดีมากๆของตลาดหุ้นโลก ก่อนที่จะกลับมาแย่ในอีก 3 เดือนต่อมา คือ พ.ย.-ธ.ค. ในปีเดียวกัน (2556-2558) ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค. ของปีต่อมา (2557-2559) โดยที่ตัวเลขสถิติระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World (ตลาดหุ้นโลก), S&P500 (สหรัฐ), Stoxx 60 (ยุโรป), MSCI Asia ex Japan (เอเชีย) และ SET (ไทย) ให้ผลตอบแทนในเดือน ต.ค. เฉลี่ย +4.1%, +5.0%, +3.3%, +4.7% และ 2.5% ตามลำดับ โดยที่ในจำนวนดังกล่าวดัชนี MSCI World (ตลาดหุ้นโลก), S&P500 (สหรัฐ) และ MSCI Asia ex Japan (เอเชีย) ปรับตัวขึ้นทุกปีในเดือนดังกล่าว หรือมี Winner Percentage ที่ 100% ขณะที่ตัวเลขสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) ของตลาดหุ้นโลก พบว่าตลาดหุ้นเอเชีย และไทยจะเริ่มเสีย Momentum หรือปรับตัวลงตั้งแต่เดือน พ.ย. และ ธ.ค. แล้วเฉลี่ย -1.0% และ -1.4% ตามลำดับ

สำหรับ MSCI Asia ex Japan และเฉลี่ย -2.3% และ -5.5% ตามลำดับสำหรับ SET โดยที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นเอเชีย และไทยปรับตัวลงทุกปีในเดือน ธ.ค. หรือมี Winner Percentage ที่ 0% ขณะที่ตลาดหุ้นโลก, สหรัฐ และยุโรปจะไปเริ่มเสีย Momentum หรือผลตอบแทนเป็นลบชัดเจนในเดือน ธ.ค. เฉลี่ย -0.5%, -0.1 และ -1.8% ตามลำดับ ดังนั้นในเชิงของ Seasonality ผมมองว่าการปรับตัวขึ้นต่อของ SET ในเดือน ก.ย.-ต.ค.2559 อาจมองเป็นโอกาสขายปรับพอร์ตที่สำคัญอีกครั้งได้ เพื่อไปรอซื้อกลับ หรือเพิ่มพอร์ตในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2559 ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค.2560

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ปิดเหนือ 1,480 (+/-5) จุดได้ แนะนำ “อ่อนตัวซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น PTT, PTTGC, TOP, BDMS, ROBINS, MINT, CPN, AAV, AOT, CK, SCB และ KBANK ขณะที่กรณีตรงข้ามที่ SET กลับมาปิดต่ำกว่า 1,480 (+/-5) จุดอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยง ควรกลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” ไปก่อน สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/moobin.stockmania และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

3 views
bottom of page