top of page
312345.jpg

หุ้นน่าลุ้น!


ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)

ธุรกิจวัสดุก่อสร้างบอกได้เลยว่า กำลังจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่สูงนับจากปี 2559 เป็นต้นไป เพราะรัฐบาลมีโครงการลงทุนมากมายหลายล้านล้านบาท ส่วนมากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้วัสดุการก่อสร้างจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีโครงการระบบรางเป็นจุดเด่น และมองเป็นรูปธรรมได้มาก เชื่อว่านักลงทุนทุกคนคงรับรู้เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าหลากสีในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งยังเป็นการเริ่มต้นของโครงการเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาในการก่อสร้างไปอีกหลายปี อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี จึงจะเป็นรูปเป็นร่าง ขณะเดียวกันยังมีโครงการรถไฟรางคู่และรถไฟฟ้าความเร็วสูงตามมาอีกด้วย แค่คิดถึงระบบรางและสถานีที่ต้องมีในแต่ละสาย ก็คงมากมายจนมองข้ามวัสดุที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างไม่ได้ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ที่น่าจะเป็นวัสดุหลักที่ใช้ก่อสร้างจะต้องมีการใช้ในปริมาณมากมหาศาล ส่วนเหล็กและวัสดุอื่นๆ ก็จะต้องใช้ตามมาด้วย จึงมองธุรกิจปูนซีเมนต์จะมีการเติบโตสูงไปนานอีกหลายปี ทำให้ SCC ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการนี้จะได้รับประโยชน์จากธุรกิจโดยตรง และไม่ต้องไปมองคู่แข่งในตลาด เนื่องจากด้วยความต้องการที่มากมหาศาล ทำให้ธุรกิจอื่นๆ เล็กใหญ่ก็จะได้ประโยชน์ไปด้วยกลับมาดู SCC จะพบว่ามีการเติบโตสูงนับจากปีกลายแล้ว ดูแค่ผลกำไรที่ปีก่อน 2558 ทำได้ 45,399.71 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2557 มากถึง 35.06% แต่ยังไม่จบแค่นั้น มาต้นปี 2559 นี้ ครึ่งปีแรก SCC ยังทำกำไรได้ 29,515.08 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนในช่วงเดียวกัน 18.3% จึงคาดว่าตลอดปี 2559 SCC จะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะได้ 45 บาท เพียงใช้พีอีแค่ 14 เท่า ยังได้ราคาที่ 630 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 518 บาท จึงมี upside ได้อีก 21.62% และยังจะได้เงินปันผลอีกประมาณ 3.5% ด้วย ยังลงทุนได้ดี

ธนาคารกรุงไทย (KTB)

มองหุ้นธนาคารกรุงไทยนักลงทุนอาจไม่ค่อยถูกใจกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเหมือนจะถูกควบคุมเอาไว้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการมีหุ้นจำนวนมากกว่าธนาคารอื่นๆ และผู้ที่จะลีดนำราคาจะกังวลกับการไล่ราคาแล้ว มีหุ้นจำนวนมากไหลออกมาสกัด ทำให้ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเกินไป แข่งกันยากกับการสร้างราคา จึงมีผลให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัดมานาน แต่การที่ราคาหุ้นอยู่ต่ำเกินพื้นฐานหวังไปมาก ก็เป็นการทำให้ผู้ลงทุนได้รับการตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูงไปด้วย จึงเป็นการเลือกที่จะเก็งกำไรหรือจะลงทุนมากกว่าจะเล่นเก็งกำไรเหมือนกับหุ้นทั่วๆ ไป ผลดีคือหุ้นจะมีความเสี่ยงต่ำ เพราะราคาต่ำเกินจริง แต่ก็จะไม่จูงใจให้มีการเก็งกำไรเหมือนกับหุ้นเก็งกำไรทั่วๆไป ในที่นี้จึงขอเน้นเรื่องการลงทุนเอาไว้ก่อน เพราะในยุคที่ดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำๆอย่างนี้ หากผู้ลงทุนยังสนใจผลตอบแทนที่ต่ำอย่างดอกเบี้ยได้ ก็คงจะพอใจกับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าดอกเบี้ยได้มาก เมื่อมาพิจารณาในหุ้น KTC ปีกลายมี NPL รายใหญ่ ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้ฯไว้มาก มาปีนี้ต้นปีก็ยังมีการตั้งสำรองหนี้ฯสูง ทำให้ยังมีกำไรต่ำ แต่ครึ่งปีหลังผู้บริหารมองออกว่าปัญหาคลี่คลายไปมาก จึงลดการตั้งสำรองหนี้ฯลง ทำให้มองว่ากำไรครึ่งหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกได้มาก จากกำไรในครึ่งปีแรกที่ทำได้ 16,218 ล้านบาท คาดว่าตลอดปีจะทำกำไรได้ถึง 3.2 หมื่นล้านบาทได้ กำไรต่อหุ้นจุได้ 2.29 บาท แค่ใช้พีอี 10 เท่าประเมินราคา ยังได้ราคาที่ 22.90 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 18.90 บาท จึงมี upside ได้อีกถึง 21.16% และจะได้เงินปันผลอีกประมาณ4.7% น่าลงทุน

ศุภาลัย (SPALI)

หุ้นศุภาลัย หรือ SPALI แม้จะมีราคาขยับขึ้นมาบ้างก็ตาม แต่ก็ยังมองว่าปรับขึ้นน้อยกว่าการเติบโตของธุรกิจและกำไรอยู่มาก จึงแทบไม่ต้องไปพูดถึงการเติบโตของธุรกิจ ที่ปัจจุบันใช้นโยบายในเชิงรุกมากกว่าอดีตมาก แค่จับตาดูผลกำไรที่รายงานออกมาก็รับรู้ได้แล้วว่า SPALI มีการเปลี่ยนแปลงมากอย่างไร นับจากปี 2557 ที่ SPALI มีกำไรก้าวกระโดดจาก 2,882 ล้านบาทในปี 2556 มาเป็น 4,478 ล้านบาทในปี 2557 และปี 2558 ยังคงมีกำไรในระดับ 4,348.72 ล้านบาท มาปี 2559 นี้พบว่าครึ่งปีแรกก็ทำกำไรได้ 2,831.84 ล้านบาทแล้ว จึงคาดว่าตลอดปีจะทำกำไรได้กว่า 5,000 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะสูงถึง 3 บาทได้ จุดนี้เมื่อมาประเมินราคาด้วยพีอีแค่ 10 เท่า ยังได้ราคาที่ 30 บาท แต่ราคาในตลาดยังอยู่แค่ 23.90 บาท จึงมี upside ได้อีก 25.52% โดยยังจะได้เงินปันผลอีกกว่า 4% ด้วย ทำให้ SPALI ยังเป็นหุ้นที่เหมาะกับการจะเลือกลงทุนได้ต่อไปมาก

1 view
bottom of page