บริษัท ทริสเรทติ้ง ทยอยประกาศปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
โดยเมื่อต้นเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ทริสเรทติ้ง ประกาศยกเลิก “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ทุนธนชาต และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท พร้อมทั้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ดังกล่าวของบริษัทจาก “A+”มาอยู่ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกลุ่ม ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับธุรกรรมการรวมกิจการระหว่าง ธนาคารทหารไทย และ ธนาคารธนชาตเสร็จสิ้นลงในเดือนธันวาคม 2562 แม้จะประเมินให้เหตุผลในเบื้องต้นว่าสถานะขององค์กร บริษัทต่างๆที่พิจารณาเครดิตจะยังมีความแข็งแรงแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อาจมีการปรับลดลงหากฐานทุนโดยวัดจากอัตราส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับ 1.5 เท่า และ/หรือสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากนั้น ทริสฯ ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยแลนด์ ไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” และว่า อันดับเครดิตอาจถูกลดทอนบางส่วนจากการกระจุกตัวของสินทรัพย์ของทรัสต์ซึ่งมีเพียง 2 แห่ง ความเสี่ยงจากการที่ผู้เช่าอาจจะไม่ต่อสัญญา และผลกระทบในทางลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19
ต่อมา ได้ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท เป็นระดับ “BB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB-” และประกาศแนวโน้ม “Negative” สะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงในการต่ออายุหุ้นกู้ของบริษัทในภาวะที่สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้มีปัญหาและความยากลำบากของบริษัทในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้อื่นๆ นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 50% ของรายได้ของบริษัทนั้นก็คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ด้วย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าวมากนัก
พร้อมๆกับ ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง เป็นระดับ “BB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB-” และแนวโน้ม “Negative” จากการลดอันดับเครดิตของ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 46.98% ของบริษัท อันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของไมด้าแอสเซ็ท ซึ่งสะท้อนคุณภาพเครดิตโดยรวมของกลุ่มไมด้า
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังได้ประกาศ ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท มั่นคงเคหะการ เป็นระดับ “BBB-” จากเดิมที่ระดับ “BBB” แต่ให้แนวโน้มเป็น “Stable” จาก “Negative” สะท้อนความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับภาระหนี้ที่สูงขึ้นของบริษัทจากการลงทุนเชิงรุกและความสามารถในการทำกำไรที่คาดการณ์ว่าจะลดลงจากการลงทุนที่ต่อเนื่องในธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความยอมรับในตราสินค้าของบริษัทในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็สะท้อนถึงผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งสร้างความเสียหายที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านด้วย
Comments