top of page
312345.jpg

ส่องหุ้นรับอานิสงส์ "เราเที่ยวด้วยกัน"


บล.โกลเบล็ก ประเมินโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ให้กลับมาครึกครื้น แนะ 6 หุ้น อานิสงส์เตรียมได้ประโยชน์แพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวในลักษณะ Sideways ไปได้ไม่เกิน 1,400 จุด

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก หรือ GBD ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideways up อย่างไรก็ตามกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,365-1,400 จุด หลังนักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจีน ขณะเดียวกันหลายประเทศก็เริ่มกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมของดัชนีเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว เช่น ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน ดัชนี PMI ภาคบริการของจีน ในเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และยังมีการคาดหวังว่าทางการจีนจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ปัจจัยบวก ที่จะเลี้ยงตลาดได้ในช่วงจากนี้ก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งกำลังเริ่มโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาล ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ปัจจัยนี้ทำให้ บล.โกลเบล็กเชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดี คาดว่าสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงสภาพคล่องเศรษฐกิจให้หมุนเวียน และกลับมาสะพัดในประเทศได้ดีขึ้น

ดังนั้นหากพิจารณาด้านการลงทุน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายในข้างต้น ทางฝ่ายวิจัยมองว่านักลงทุนสามารถเลือกเฟ้นหาหุ้นที่ตอบรับมาตรการดังกล่าวได้

บล.โกลเบล็ก มองว่ามีหุ้น 6 ตัวที่น่าจะได้รับผลที่ดีจากมาตรการ“เราเที่ยวด้วยกัน” ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT, AAV, BA และ ASAP

“หุ้นทั้ง 6 ตัวนี้เป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากภาคกระตุ้นการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ยังแนะนำหุ้นเด่นที่ทาง IAA Consensus แนะนำตรงกัน คือ ADVANC, CK, CPALL, CPF และ INTUCH

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก มองว่า แม้ภาพรวมการลงทุนจะเริ่มมีการฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ยังคงต้องคอยดูปัจจัยต่างๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ยังคงเป็นตัวแปรหลักเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน อาทิ รายงานการประชุม กนง.หรือคณะกรรมการนโยบายการเงินฉบับย่อ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพฤษภาคมของญี่ปุ่น สต็อกน้ำมันของสหรัฐ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิถุนายนของจีน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

นอกจากนี้ยังควรที่จะต้องติดตามผลการประชุมครม.เศรษฐกิจ ว่าจะมีผลต่อหุ้นหรือไม่ โดยเฉพาะที่คาดการณ์กันล่วงหน้าว่าน่าจะมีการอนุมัติจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ SMEs รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2563 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศระหว่างวันที่ 13-21 กรกฎาคม

“ล่าสุดทางโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ เป็น -4.6% จากเดิม -4.2% และการส่งออกของไทยหดตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการณ์ส่งออกในปีนี้เป็นหดตัว 10% จากเดิมที่คาดหดตัว 8% จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเงินบาทแข็งค่ากดดันตัวเลขส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ หดตัว 3.71%YoY”

เช่นเดียวกับ บลหยวนต้า ที่มีมุมมองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะ Risk on สวนกระแส โรค COVID-19 ที่จำนวนผู้ป่วยทั่วโลกทำ New High รายวัน โดยปัจจัยที่บวกเสริมดัชนีหุ้นคือ เศรษฐกิจสหรัฐ ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียทำผลงานร้อนแรงสุดนั่นคือจีน โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% สอดคล้องกับมุมมองเชิง Asset Allocation ของ บล.หยวนต้า ที่เลือกตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่น่าสนใจในการลงทุนช่วงไตรมาส 3/2563

“เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะรับกระแสเชิงบวก ส่งต่อมาจากตลาดหุ้นทั่วโลก ภาพระยะกลาง เรามองว่า SET Index มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยา 1,400 จุด ขณะที่สถานการณ์โรค COVID-19 ทั่วโลก จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดใหม่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทะลุหลัก 2 แสนรายต่อวัน ขณะตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ดัชนี VIX Index ทรงตัวต่ำกว่า 30 ต่อเนื่องกันมา อีกทั้งยังมีลุ้นว่า การประชุม ครม.เศรษฐกิจจะมีวาระสำคัญคือ การประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยและการพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการช่วยเหลือ SME”

ในด้านราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของกองทุน SPDR และความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของ COVID-19 สำหรับผู้ที่มีสถานะให้ถือสถานะเพื่อรันเทรน ส่วนผู้ที่รอซื้อเน้นซื้อจังหวะย่อตัว

16 views
bottom of page