แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้นะครับ และการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์จะเป็นเพียงการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยเป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์น่าจะขยับกรอบการเหวี่ยงตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,650-1,700 จุดได้ หลังจากได้ปัจจัยแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน และสถานการณ์โควิดในประเทศซึ่งอยู่ในทิศทางทรงตัว โดยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ยังคงปรับตัวลดลง รวมถึงแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งมีผลมาจากพายุเฮอริเคนไอดาที่กระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ประกอบกับแนวโน้มของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีโอกาสซื้อสุทธิอีกอย่างต่อเนื่อง สะท้อนมาจากการที่ดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow กลับมาทำสัญญาณ Buy Signal อีกครั้ง และตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติไม่กลับมาขายสุทธิต่อเนื่องอีกมากกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท หลังจากที่นักลงทุนในตลาดหุ้นโลกเชื่อมั่นว่าเฟดจะรีบร้อนลดวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตร เนื่องจากเฟดออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากขาดแคลนสินค้า หรือวัตถุดิบในภาคการผลิตของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market จากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ดังนั้นเมื่อทุกอย่างคลี่คลายตัวเลขเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวลง ซึ่งทำให้ Global Fund Manager คลายความกังวลเรื่องลดวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตร หรือมาตรการ QE ซึ่งปัจจัยนี้ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Foreign Fund Flow ไหลกลับเข้ามาที่ตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันว่าแนวโน้มขาลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้จบลงแล้ว หลังจากที่ SET Index สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 75 วัน หรือ 1,560 จุดได้ ซึ่งปัจจุบันบริเวณ 1,600 จุดทำหน้าที่เป็นแนวรับ และจุดหมุนที่สำคัญ โดยที่ตราบใด SET Index ไม่หมุนลงต่ำกว่า 1,600 จุดอีกครั้ง เป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่การแกว่งขึ้นไปในกรอบ 1,650-1,700 จุดก่อนในเบื้องต้น
ความเชื่อมันนักลงทุนโลกยังสูงมาก ! ผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เปลี่ยนแปลง +3.80% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 43.4% สูงกว่าสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เปลี่ยนแปลง +0.30% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 33.30% สอดคล้องกับดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นของสหรัฐ, ยุโรปและฮ่องกงที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของนักลงทุนที่ลดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐ แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐจะได้รับความเสียหายจากเฮอริเคนไอดา ซึ่งกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ดีในช่วงปลายสัปดาห์บริษัทน้ำมันในสหรัฐบางส่วนได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตแล้ว ขณะที่ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในภาคแรงงาน ที่ล่าสุดตัวเลข Initial Jobless Claim ออกมาที่ 340,000 รายใกล้เคียงกับคาดการณ์ที่ 345,000 โดยเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63 และตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 160,000 จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.75 ล้านราย โดยที่อัตราการว่างงาน หรือ Unemployment Rate ของสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 5.2% จาก 5.4%
ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นเอเชีย มีปัจจัยบวกจากการที่นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูกะ ของญี่ปุ่น เตรียมออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาเพิ่งรับหน้าที่บริหารประเทศมาเพียงแค่ 1 ปี เนื่องจากการบริหารประเทศในช่วงโควิดที่ไม่มีประสิทธิภาพพอสำหรับประชาชนญี่ปุ่นซึ่ง คะแนนความนิยมในตัวนายซูกะลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30% ทั้งนี้การเลือกตั้งครั้งใหม่ของญี่ปุ่นจะมีขึ้นใน วันที่ 17 ต.ค. 64 (การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคขึ้นมาแทนนายซูกะ จะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.ย. 64) โดยนักลงทุนมีความคาดหวังกับนโยบายบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) เมื่อ SET ยังคงปิดเหนือ 1,600 จุดได้ เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,600 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club
Comments