ทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่สภาคองเกรสให้การรับรองชัยชนะของ Joe Biden รวมทั้งการที่พรรค Democrat คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ทำให้พรรค Democrat สามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรส ซึ่งมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19
ขณะที่ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสหรัฐ หลังจากมีกลุ่มประท้วงผู้สนับสนุน Donald Trump บุกเข้ายึดรัฐสภาสหรัฐเพื่อระงับการลงคะแนนให้ Joe Biden เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง กลายเป็นปัจจัยบวกไปหลังเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ Donald Trump ประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยยืนยันว่าจะมีการถ่ายอำนาจประธานาธิบดีให้ Joe Biden อย่างสงบ
การที่ Democrat ชนะในการเลือกตั้งอย่างชัดเจน กลับไม่สร้างปัญหาอย่างที่ตลาดกังวล หลังจากที่มาตรการปรับขึ้นภาษีภายใต้รัฐบาลของ Joe Biden ยังคงยืนยันการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% เท่านั้น จากเดิมที่ Donald Trump ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน ลดความกังวลที่ Joe Biden จะปรับขึ้นภาษีไปมากกว่านี้ ซึ่งช่วยสนับสนุนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นด้วย สะท้อนออกมาจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.7 ในเดือน ธ.ค. 64 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 61 จากระดับ 57.5 ในเดือน พ.ย. 64 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.6 สอดคล้องกับตัวเลข Initial Jobless Claims ลดลงสู่ระดับ 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มระดับ 815,000 รายจากระดับ 790,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
นอกจากนี้ทิศทางของตลาดหุ้นโลกยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางของหุ้นในกลุ่มน้ำมันที่ได้รับประโยชน์จากการที่กลุ่ม OPEC+ มีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ. 64 และการที่ซาอุดีอาระเบียทำเซอร์ไพรส์ตลาดน้ำมันดิบโลก ด้วยแผนลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ถึง มี.ค. 64 หลังจากโน้มน้าวให้รัสเซียไม่เพิ่มการผลิตของตัวเองได้
ลุ้น SET แกว่งต่อเหนือ 1,500 จุด ! ทั้งนี้ Momentum ขาขึ้นของตลาดหุ้นโลกได้รับการยืนยันจากการที่ดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 1.49%, และ 11.16% ตามลำดับ สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish อยู่ที่ 42.13% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish อยู่ที่ 33.50%
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยในเชิงของเทคนิค การที่ Indicator อย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow กลับมามีสัญญาณ Positive Convergence อีกครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการไหลเข้ามาของเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ขณะที่ในเชิงเทคนิคของตลาดหุ้นไทย การที่ SET สามารถทะลุผ่าน 1,500 จุดมาได้ ทำให้ “นายหมูบิน” มองว่าตราบใดที่ SET ยังคงหมุนลงไปต่ำกว่า 1,500 จุดอีกครั้ง ในระยะสั้น SET ยังคงอยู่ในทิศทางของการแกว่งตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ดีกรอบการแกว่งขึ้นอาจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากในเชิงพื้นฐานปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ P/E ratio ราว 25.3 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ 17.0 เท่าค่อนข้างมาก หรือคิดเป็น Premium ที่ถึง 49.2% นอกจากนี้ถ้าเทียบกับระดับ P/E ratio ของดัชนี MSCI Asia ex Japan ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 25.1 เท่าถือว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคโดยเฉลี่ย เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ MSCI Asia ex Japan พอสมควร
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ลงไปปิดต่ำกว่า 1,500 จุดอีกครั้ง เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,500 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายเดือน (Monthly)
Source: Wealth Hunters Club