top of page
379208.jpg

ม.แม่ฟ้าหลวงมั่นใจ...รับมือโคโรนาได้ ไม่หวั่นนศ.จีน



Interview: รศ.ดร.นันทนา คชเสนี

รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดูแลงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


ม.แม่ฟ้าหลวงเฝ้าระวังเข้มข้น นักศึกษาไทย-จีน/อาจารย์ที่กลับมาจากจีน ต้องพักอยู่นอกเขตมหาวิทยาลัย 14 วัน เมื่อพ้นระยะเฝ้าระวัง ไม่มีไข้ ไม่มีเชื้อ ให้กลับเข้ามหาวิทยาลัยได้ พร้อมติดตามใกล้ชิด จัดทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ตรวจสุขภาพ ตรวจไข้ทุกวัน ใครมีอาการให้แอดมิตใน รพ.ศูนย์การแพทย์ของม.แม่ฟ้าหลวงทันที รณรงค์ให้ความรู้ เน้นกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่แมสก์เมื่อเข้าห้องเรียน แจง...นักศึกษาไทยเข้าใจและไม่แสดงอาการรังเกียจนักศึกษาจากจีน เพราะมั่นใจในกระบวนการเฝ้าระวังของมหาวิทยาลัย


ทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีการออกนโยบายที่จะดูแลนักศึกษาจากจีนช่วงนี้อย่างไร


เรามีการติดตามเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้ประกาศเรื่องการเฝ้าระวังโรคไวรัสโคโรนาตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2563 โดยอ้างอิงประกาศของกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ แล้วก็ดูแลนักศึกษาที่มาถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กลุ่มนักศึกษาจีนและนักศึกษาไทยที่กลับมาจากเมืองจีน รวมถึงอาจารย์ชาวจีนด้วยที่กลับบ้านช่วงตรุษจีน ถ้ามาถึงหลังวันที่ 12 มกราคม ก็ต้องพักอยู่ที่บ้านให้ได้ 14 วัน และเมื่อปลอดภัย คือไม่มีไข้ไม่มีอะไร ถึงจะกลับเข้ามาที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำหรับนักศึกษาที่กลับเข้ามาก่อนและมาเข้าหอพัก เข้ามาอยู่กับนักศึกษาไทย เข้าหอพักเรียบร้อยแล้วก่อนวันที่ 26 มกราคม เราก็ประกาศและมีการดูแล เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เรามีทีมแพทย์และพยาบาล รวมทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่จะดูแล เราก็เปิดตรวจสุขภาพ มีการตรวจไข้กันทุกวัน ตรงนี้คือสิ่งที่ดำเนินการอยู่


จนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ


เมื่อสัปดาห์ก่อนมีนักศึกษาจีนเป็นไข้ และมีเพื่อนคนไทย 3 คน ที่ไอพร้อมกับมีไข้ แอดมิตที่โรงพยาบาลของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เราก็ดูแลอย่างใกล้ชิด มีการส่งตรวจที่หน่วยพิเศษกรมการแพทย์ของจังหวัดเชียงราย ผลออกมาก็ไม่ใช่ คือเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา หลังจากนั้นไข้ได้ลดลงแล้ว ส่วนเด็กไทยก็ไม่มีอาการอะไรหลังจากเราเฝ้าดูอาการต่างๆ และตอนนี้ก็กลับมาที่หอพักเรียบร้อย


นักศึกษาที่มาจากอู่ฮั่นมีหรือไม่


ของเรามีนักศึกษาจากอู่ฮั่น แต่ว่ายังไม่ได้กลับมา สัดส่วนนักศึกษาของเราจะอยู่ที่ยูนานเสียส่วนใหญ่ แต่เราก็ใช้การเฝ้าระวังที่เป็นมาตรฐานสากลตามที่เป็นประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข และเราก็มีการรณรงค์ให้นักศึกษา ต้องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ พร้อมกับใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้าห้องเรียน โดยช่วงนี้เราเพิ่งเปิดเทอมได้ 3 อาทิตย์


ในส่วนนักศึกษาที่อยู่นอกหอพักของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงดูแล เฝ้าระวังอย่างไร


ตรงส่วนนี้ที่เรากำลังดำเนินการคือเรามีเครือข่ายของหอพัก ทางหน่วยงานที่ดูแลเรื่องหอพักมหาวิทยาลัยก็ติดตามตามเครือข่าย โดยแจ้งนักศึกษาจีนในกรณีที่ไม่ได้พักอยู่กับเรา ให้มาตรวจสุขภาพ แต่ก็มีนักศึกษาจีนส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้กลับมาจากจีน ทางเราก็ประกาศแล้วว่าในเรื่องการเรียนการสอน ทางมหาวิทยาลัยจะจัดอาจารย์มาติวพิเศษ มาสอนเสริม ดังนั้นเรื่องของการเรียน ทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจะมีโครงการช่วยเหลือและสอนเสริมให้กับทุกคน ซึ่งอาจจะมีการขยับเวลาการสอน ใครไม่ได้มาเรียนช่วงนี้เราถือว่าไม่ได้ขาดเรียน


มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีนักศึกษาจีนกี่คน


272 คน ตรงนี้คือฟูลไทม์ เรียนปริญญา ซึ่งเราก็มีนักศึกษาจีนแบบแลกเปลี่ยน แต่ช่วงนี้หมดกิจกรรมและได้กลับไปหมดแล้ว และก็มีส่วนของนักศึกษาไทยที่ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองจีน ตอนเริ่มเหตุการณ์ไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด เราก็เรียกกลับหมด


นักศึกษาที่ได้ทุน เราเรียกกลับด้วยหรือไม่


กรณีอาจารย์ที่ไปเรียนที่จีนก็ยังอยู่ที่นั่นกัน แต่ว่ามีไม่กี่คนที่ไปเรียนที่จีน


ที่ให้เครื่องบินไปรับ มีกลับมาด้วยหรือไม่

ไม่มี อาจารย์ของเราที่ไปเรียน ไม่ได้อยู่ที่อู่ฮั่น ก็คงต้องดูแลตัวเองตามสภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละเมืองที่ต่างกัน


ที่มีบางคนบอกว่าไทยควรปิดประเทศไปเลย ไม่ให้คนจีนเข้ามา


ตรงนี้ไม่เห็นด้วย เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะติดเชื้อไวรัสตัวนี้มา และการที่จะปิดประเทศ จะมี complication อีกหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะจะปิดประเทศเฉยๆ เพื่อไม่ให้ไวรัสมันเข้า ไม่ใช่ว่าคนชาติอื่นจะไม่เอาเชื้อมา หรือจะเป็นเฉพาะคนจีนเท่านั้นที่จะมีเชื้อ เพราะตอนนี้เชื้อมันก็แพร่ไปทั่วแล้ว เห็นว่าในจีนมีผู้ติดเชื้อกว่า 3 หมื่นคนแล้ว


ในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีการตื่นตัวเรื่องนี้มาก


เราไม่เคยเพิกเฉย ตามห้องเรียนก็มีเจลบริการ ตามห้องน้ำก็มีสบู่ทำความสะอาด และเราก็รณรงค์กินร้อน ช้อนกลาง และใส่หน้ากากอนามัย ฉะนั้นเมื่อเดินมหาวิทยาลัยช่วงนี้ เราจะเห็นเด็กๆใส่หน้ากากอนามัยกันตามห้องเรียน ซึ่งในส่วนนักศึกษาไทยก็ไม่รังเกียจนักศึกษาจีน เราเองก็พยายามทำความเข้าใจกับนักศึกษาไทย ที่อยู่ร่วมหอกัน เพราะมันผ่านระยะที่เฝ้าระวัง เขาก็ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้ติดเชื้อโรคไปตลอดชีวิตของเขา และทุกอย่างก็มีกระบวนการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ซึ่งเด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เราในฐานะผู้บริหาร เราก็ต้องระวังเรื่องของความรู้สึก ซึ่งเราก็ได้พูดกับนักศึกษาไทย ก็ได้คำตอบว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นเพื่อนกัน และก็ปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำทุกประการ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องช่วยกันปกป้องตัวเอง ช่วยได้ก็ต้องช่วยกัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้ว เราก็ต้องช่วยกันที่จะแก้ไขปัญหา และก็อยู่ร่วมกัน


 

Credit ภาพ: www.mfu.ac.th


50 views

Comments


bottom of page