top of page
312345.jpg

มอง 'โรงเรียนนานาชาติ' ยังเป็นธุรกิจที่มีอนาคต



SISB เครือโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรสิงคโปร์ในไทย ยืนยัน ยังเดินหน้าเปิดโรงเรียนเพิ่มอีกแห่งที่ย่านนนทบุรี เพราะเชื่อว่าโรงเรียนนานาชาติยังเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และการเรียนออนไลน์อย่างเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ได้ โดยเฉพาะการเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมปกติ ปรับระบบเรียนออนไลน์ในโรงเรียน 4 สาขารับมือโควิด-19 โชคดีที่มีการลงทุนในระบบ IT ก่อนการระบาดรอบแรกจึงตั้งหลักได้เร็ว ประกอบกับมีการปรับวิธีปรับกลยุทธ์การเรียนการสอนผ่านออนไลน์ ทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการปรับลดค่าเรียนให้นักเรียนเพื่อที่โรงเรียนและผู้ปกครองจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน


Interview คุณยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB


ทำไมถึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

ส่วนตัวคือไม่ใช่คนไทย สำหรับเหตุผลที่มาเปิดโรงเรียนนานาชาติในไทย ต้องบอกก่อนว่าเกิดจากผู้ปกครองกลุ่มหนึ่ง โดยส่วนตัวก็เป็นหนึ่งในผู้ปกครองกลุ่มนี้ซึ่งกำลังหาโรงเรียนนานาชาติ โดยขณะนั้นโรงเรียนนานาชาติโดยทั่วไปจะเป็นหลักสูตรอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ตอนนั้นผู้ปกครองก็พยายามหาหลักสูตรที่เหมาะกับเอเชีย โดยหลักสูตรสิงคโปร์ค่อนข้างจะเหมาะกับการสอนในไทย ผู้ปกครองกลุ่มนั้นก็มีความคิดในการนำเอาหลักสูตรนั้นเข้ามาเปิดสอนในไทย ซึ่งได้เริ่มเปิดมาตั้งแต่ปี 2001


จุดเด่นของหลักสูตรสิงคโปร์คืออะไร

ตอนนั้นเราเอาหลักสูตรเข้ามาเฉพาะอนุบาลกับประถม โดยหลักสูตรของสิงคโปร์จะมีจุดเด่นที่คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เขาจะสอนด้วยภาษาอังกฤษและจะมีภาษาจีนอยู่ในหลักสูตรด้วย ตัวนี้ก็จะเป็นหลักๆ จะเป็นการเตรียมพื้นฐานค่อนข้างจะแน่น เพื่อจะต่อเนื่องไปสู่มัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัย ถือเป็นหลักสูตรที่เหมาะกับคนไทย ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คนไทยในเวลานั้นถ้าจะเรียนหลักสูตรสิงคโปร์ ก็ต้องเดินทางไปถึงสิงคโปร์ และในส่วนผู้ปกครองของเราเองก็อยากให้มีหลักสูตรนี้ขึ้นมาในไทยด้วย


มีกี่โรงเรียนสำหรับหลักสูตรสิงคโปร์ที่เปิดในตอนนี้

มี 4 โรงเรียน คือโรงเรียนนานาชาติที่ประชาอุทิศ มีโรงเรียนนานาชาติธนบุรีที่พุทธมณฑลสาย 1 มีที่สุวรรณภูมิ และอีกแห่งเปิดที่เชียงใหม่ และมีแผนกำลังจะเปิดอีก 1 แห่งย่านนนทบุรี โดย 4 แห่งมีนักเรียนประมาณกว่า 2,600 คน


ในสถานการณ์โควิด-19 ทางโรงเรียนนานาชาติรับมือ ปรับแผนกันอย่างไร

คงไม่ใช่แค่ธุรกิจโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ ยังมีอีกหลากหลายธุรกิจที่ต้องปรับตัว ถ้าย้อนกลับไปเรื่องโควิด-19 ต้องมองไปถึงช่วงมีนาคมปี 2563 ขณะนั้นเราไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเลยเพราะมันเกิดกะทันหัน ซึ่งทุกโรงเรียนต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ ขณะเดียวกัน เราอาจจะมีความโชคดีที่มีความพร้อมเรื่องของไอที โดยเรามีการลงทุนเรื่องไอทีค่อนข้างจะเยอะก่อนโควิด-19 จะเกิด โดยเฉพาะเรื่องอินเทอร์เน็ต ทุกคนมีแล็ปท็อป ในส่วนคุณครูมีความพร้อม ส่วนนักเรียน ป.1 ขึ้นไปจะมีอีเมลของโรงเรียน คือเรื่องอินฟราสตักเจอร์เรื่องไอทีเราพร้อม

ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นของโควิด-19 ในสองสามอาทิตย์แรกค่อนข้างจะลำบาก คุณครูที่สอนออนไลน์เดิมๆ จะไม่เคยสอนแบบที่สอนปัจจุบันที่ต้องสอนผ่านจอกว่า 1,000 จอ ถือว่าคุณครูค่อนข้างจะปรับตัวมาก โชคดีที่เรามีอุปกรณ์ มีความพร้อมที่ได้มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า ขณะเดียวกันเราก็พยายามทำให้นักเรียนมีความสะดวกในการเรียนออนไลน์ เพราะทั้งคุณครูและนักเรียนถือว่าเรื่องการเรียนออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ แต่เราถือว่าโชคดีที่คุณครูของเรามีความตั้งใจมาก ที่ผ่านมาคุณครูของเรามีการหารือกันเพื่อหาวิธีต่างๆ ให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือเรามีการปรับวิธี ปรับกลยุทธ์เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนได้ในช่วงวิกฤตนี้


ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ จากนี้ยังถือว่ามีอนาคตหรือไม่

เชื่อว่าการเรียนที่โรงเรียนยังมีความจำเป็น และมีอนาคต เพราะนักเรียนยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา มีสันทนาการ เรียนผ่านออนไลน์อย่างเดียวไม่ได้ ไม่ว่าผู้ปกครองฝั่งตะวันตกหรือทางฝั่งตะวันออก เชื่อว่าผู้ปกครองยังให้ความสำคัญที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียน เพื่อหาความรู้ หาสังคม หาสันทนาการ จะเรียนทางออนไลน์อย่างเดียวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าตอนนี้ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งหมด ขณะเดียวกันในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่เราทำต้องทำให้มีคุณภาพก่อน เมื่อมีคุณภาพแล้ว ผู้ปกครองก็จะบอกต่อปากต่อปากให้มาเรียนกัน โดยจุดเด่นคือจะมีการสร้างเด็กออกมาเพื่อต่อยอดไปเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 มา เราก็เข้าใจผู้ปกครอง ที่ผ่านมาจึงได้ช่วยเหลือให้ส่วนลดต่างๆ ซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

109 views
bottom of page