ตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมาปรับตัวลดลงอย่างหนักอีกครั้ง นำมาโดยตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำจุดสูงสุดใหม่ในหลายๆ รัฐของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น Texas, Florida, North Carolina และ Arizona โดยเฉพาะที่ Texas ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย และที่สำคัญคือนี่เป็น 14 วันหลังจากการประท้วงในสหรัฐเริ่มขึ้น
ทั้งนี้หากมองไปที่หุ้นรายตัวในสหรัฐจะพบว่า หุ้นกลุ่มที่โดนเทขายหนักๆจะอยู่ที่กลุ่ม Airlines, Cruise Operators, Retailers, Banking และ Energy ซึ่งมีความอ่อนไหว หรือ Sensitive ต่อ Lockdown มากกว่าหุ้นกลุ่ม Technology ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆเข้าเพิ่มเติม หลังจากที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และประกาศว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และบรรลุเป้าหมายในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคา
แม้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยและเพิ่ม QE ไปจนถึงปี 2564 เป็นอย่างน้อย ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องเรียนว่าไม่มีอะไรใหม่ และนักลงทุนในตลาดหุ้นโลกรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือการที่ประธานธนาคารสหรัฐ หรือเฟดไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มงบดุลแบบ Unlimited อีก ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน มี.ค. 2563 เฟดได้ทำการเข้าซื้อสินทรัพย์ไปแล้ว 3 แสนล้านเหรียญต่อวัน
ขณะที่ OECD คาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะทำให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปี และเศรษฐกิจโลกอาจหดตัวถึง 7.6% ในปีนี้ หากมีการระบาดระลอก 2 เกิดขึ้น สอดคล้องกับการที่ IMF เปิดเผยรายงานคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจโลก Global Economic Prospects ประจำปี 2563 โดยระบุว่าการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัส COVID-19 จะทำให้ GDP ของโลกลดลง 5.2% ในปีนี้
เมื่อพิจารณารายประเทศคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นจะอยู่ที่ -6.1%, กลุ่มยูโรโซน -9.1%, บราซิล -8.0%, อินเดีย -3.2% และไทย -5.0%
ทั้งนี้จากปัจจัยกดดันดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี VIX Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมาของตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.04%, 30.22% และ 4.25% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish ลดลง 0.27% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 34.28% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่ลดลง 0.82% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 38.05%
หุ้นในกลุ่มพลังงานจะหนุนตลาดหุ้นโลกช่วงสั้น ! อย่างไรก็ดีในระยะสั้น ตลาดหุ้นโลกยังคงมีโอกาสได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่จะได้ประโยชน์จากทิศทางของราคาน้ำมันดิบโลกที่ยังคงเป็นขาขึ้น โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.97% จากปัจจัยหนุนจากการเปิดเมือง และจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐ ที่ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 22 พ.ค. 2563 ปรับตัวลดลง 21 แท่น สู่ระดับ 318 แท่น ซึ่งต่ำสุดเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ขณะที่ Alexander Novak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซีย กล่าวว่าตลาดน้ำมันทั่วโลกอาจจะต้องประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมันดิบ 3-5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 2563 แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขโควตาการผลิตจากข้อตกลงของกลุ่ม OPEC+ ส่งผลให้ Saudi Aramco จะเลื่อนการประกาศราคาขายน้ำมันดิบ (OSPs) ประจำเดือน ก.ค. 2563 ออกไป เพื่อที่จะรอผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งข่าวดีคือการที่ล่าสุดกลุ่ม OPEC+ ตกลงที่จะขยายเวลาลดกำลังการลิตรวมกันที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันต่ออีก 1 เดือน ให้ยืดออกไปถึงสิ้นเดือนก.ค. 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตลงมาเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. 2563 ไปจนถึงสิ้นปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ขยับขึ้นไปสู่ระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังกลับไปยืนเหนือ 1,430 จุด (+/-) ไม่ได้ เน้น “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น CPALL, BJC, BEM, EGCO, BCH, GPSC, BTS, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายสัปดาห์ (Weekly)
Source: Wealth Hunters Club
Comments