แน่นอนว่าทิศทางของตลาดหุ้นโลกระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาตึงเครียดแบบสุดๆ อีกครั้ง หลังจากสหรัฐปฏิบัติการสังหาร Qassem Soleimani ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านโดยการโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้เหตุการณ์เผาสถานทูตในอิรัก ส่งผลให้ล่าสุด Ayatollah Ali Khamenei ผู้นำสูงสุดของอิหร่านประกาศจะแก้แค้นสหรัฐคืน จากนั้นสหรัฐส่งทหารกว่า 3,000 นายไปประจำการเพิ่มในตะวันออกกลาง และสั่งการให้ชาวอเมริกันอพยพออกจากอิรักโดยเร็วที่สุด
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่เพิ่มขึ้น คงมีแค่หุ้นในกลุ่มพลังงานเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ขยับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนตลาดกังวลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านและการขนส่งน้ำมันของภูมิภาคตะวันออกกลางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ประกอบกับสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2562 ปรับตัวลดลง 11.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 429.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่ในเชิงของปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นโลกยังคงขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน สะท้อนออกมาจากการประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ของตลาดหุ้นแต่ละประเทศจาก Bloomberg Consensus พบว่าอัตราการขยายตัวกำไรสุทธิปี 2563 ของตลาดหุ้นโลกจะอยู่ที่ 12.5% ขณะที่ของตลาดหุ้นสหรัฐจะอยู่ที่ 6.6%, ตลาดหุ้นยุโรปจะอยู่ที่ 6.7% และตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 7.8% ในส่วนของตลาดหุ้นเอเชีย พบว่าตลาดหุ้นจีนจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14.0% และตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 8.5%
ทั้งนี้ในด้านของมุมมองที่แย่ต่อความเชื่อมั่นของผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นโลก สะท้อนออกมาชัดเจนจากการที่เพียงแค่ในสัปดาห์แรกของปี 2563 ทาง Bloomberg Consensus ปรับประมาณการกำไรสุทธิของตลาดหุ้นโลกลง 2.54% WoW ขณะที่กำไรสุทธิของตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปถูกปรับลง 2.95% WoW และ 1.18% WoW
ตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรเด่นมากพอ ! ในส่วนของตลาดหุ้นไทยพบว่าปัจจัยเฉพาะตัวที่จะมาสนับสนุนคงเบาบางมาก หลังจากที่ล่าสุดทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย. 2562 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกัน สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวทั้งจากรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ด้านเครื่องชี้การบริโภคเอกชนยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยมาตรการภาครัฐมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อบางส่วน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
ส่วนเงินบาทกลับมาแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี ซึ่งแม้ว่าแบงก์ชาติจะออกมาให้ความเห็นว่าสาเหตุที่เงินบาทต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์ เกิดจากการเร่งทำธุรกรรมก่อนสิ้นปีของผู้ประกอบการบางรายในสภาวะที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ความต้องการซื้อและขายเงินตราต่างประเทศไม่สมดุลในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี
อย่างไรก็ตามสถาบันวิจัยส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีความเห็นว่าในปี 2563 ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง โดยมองว่าค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2563 จะอยู่ในกรอบ 29.5-30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากไทยยังต้องเผชิญปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลในระดับสูง ขณะที่ความต้องการลงทุนในต่างประเทศยังต่ำ จึงทำให้มีความต้องการเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐในปริมาณมาก อีกทั้งดัชนีค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสปรับอ่อนค่าลงได้เล็กน้อย ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบ
ขณะที่ในทางเทคนิค "นายหมูบิน" ยังคงยืนยันมุมมองเดิมว่าการดีดตัวระยะสั้นของ SET จะเป็นเพียงแค่การ Technical Rebound เท่านั้น และตราบใดที่ SET ยังคงมีแนวต้านสำคัญที่ 1,600, 1,670 และ 1,700 จุด ขณะที่ในกรณีของ Downside Risk นั้น แนวรับที่ต้องระวังให้มากที่สุดคือบริเวณ 1,547 จุด
ทั้งนี้ในกรณีที่ SET หลุดแนวรับดังกล่าวลงไป จะเป็นการยืนยันรูปแบบ Descending Triangle และ SET มีโอกาสลงไปที่ 1,450 จุดได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เกิดจากรูปแบบ Head and Shoulder Top ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ SET หลุด 1,590 จุดลงมายืนยันแนวโน้มขาลง ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2562 แล้ว
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดในกรอบ 1,600 จุด เน้น "ดีดขึ้นขาย" ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO, TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง
สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ "ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของพอร์ต"
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น.เช่นเดิมครับ
Comments