สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดแผนการดำเนินงานปี 2563 เตรียมผลักดันแผนการขยายฐานนักลงทุนในตลาดทุน พร้อมจัดทำโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ร่วมทำหน้าที่ Investor Relations เสริมสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนของประเทศ รวมถึงสนับสนุนด้านบุคลากรรองรับภาคตลาดทุน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงแผนการดำเนินงาน ปี 2563 กำหนดแผนงานต่อเนื่องในการผลักดันแผนพัฒนาตลาดทุนไทยและแผนงานภาคตลาดทุน และกำหนดแผนปี 2563 ผลักดันการขยายฐานนักลงทุนในตลาดทุน จัดทำโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ร่วมทำหน้าที่ Investor Relations แก่นักลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของประเทศ รวมถึงสนับสนุนด้านบุคลากรรองรับภาคตลาดทุน
ในปี 2563 นี้ FETCO ภายใต้พันธกิจการเป็นตัวแทนภาคเอกชนเพื่อร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาตลาดทุนไทยรวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายระหว่างรัฐและเอกชน จะดำเนินการโดยมีแผนงาน 9 แผนงานหลัก ประกอบด้วย
1. ผลักดันการขยายฐานนักลงทุนในตลาดทุน
2. โครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ร่วมกับกระทรวงการคลังทำหน้าที่ Investor Relations แก่นักลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของประเทศ
3. สนับสนุน SMEs และ Startups ให้เข้าถึงตลาดทุน
4. สนับสนุนการจัดทำโครงการสร้างและพัฒนาบุคลากรรองรับภาคตลาดทุน
5. สนับสนุน Capital Market Digital Roadmap
6. ผลักดันความร่วมมือภาคตลาดทุนเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ (ESG Collective Supporting)
7. สนับสนุนการพัฒนาทักษะทางการเงิน (Financial Literacy)
8. เสนอความคิดเห็นและให้คำปรึกษาต่อภาครัฐเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย และ
9. ติดตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยและแผนงานภาคตลาดทุนนโยบายการดำเนินงานของ FETCO จากความเห็นร่วมกันว่า
ตลาดทุนสามารถเพิ่มศักยภาพให้ภาคเศรษฐกิจโดยเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ภาครัฐให้ความสำคัญในการขอความเห็นในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจระดับชาติ ร่วมกับภาคธุรกิจพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม และการจัดทำโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ
ทำหน้าที่สนับสนุนในฐานะ Investor Relations ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ เพื่อการเข้าถึงนักวิเคราะห์ นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศระยะยาว การผลักดันแผนงานด้านตลาดทุนดิจิทัลร่วมกัน รวมถึงการผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีผลบังคับใช้ เช่น พรบ.ทรัสต์ เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคลและลดการนำทรัพย์สินออกไปบริหารนอกประเทศ พ.ร.บ.มหาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการธุรกิจ พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อจัดให้มีการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบ การปรับปรุงกฎหมายที่ไม่สามารถลงทุนในตลาดทุนได้ เช่น สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น ให้สามารถลงทุนได้หลากหลายมากขึ้น
สนับสนุนการลงทุนในกองทุนเพื่อการออมระยะยาว (SSF) เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการลงทุนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง การจัดทำแผนงานสนับสนุน SMEs และ Startups ให้เข้าถึงตลาดทุน การผลักดันความร่วมมือภาคตลาดทุนเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ การสนับสนุนการ บูรณาการของภาครัฐในการทบทวนแผนงาน ทิศทางและกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาทักษะด้านการเงินและการลงทุน
การร่วมเป็นองค์กรสนับสนุนในฐานะหน่วยงานที่มีสิทธิรับรองการเสนอโครงการของกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) และการพิจารณาหาแนวทางสนับสนุนโครงการสร้างและพัฒนาบุคลากรรองรับภาคตลาดทุน
“ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย และทิศทางการดำเนินการธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางธุรกิจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนระยะยาว ดังนั้นภาคตลาดทุนจำเป็นต้องพิจารณาเตรียมพร้อมและเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน มีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพ การผลักดันและสนับสนุนส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตลาดทุนไทย สร้างมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยุติธรรม รวมทั้งมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม”
Comments