top of page
312345.jpg

จีนเอาจริงไล่ล่าคริปโท แต่บิตคอยน์ฆ่าไม่ตาย!


ช่วงที่กำลังมีการประชุมเฟดรอบกันยายนที่ทุกคนเฝ้าจับตามองอยู่ฝั่งอเมริกา ทางฝั่งจีนก็กำลังมีเรื่องบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับ 2 ให้ต้องแก้ไข เท่านั้นยงไม่พอทางการจีนยังกดดันหนัก ประกาศกวาดล้างการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีทุกรูปแบบและระบุว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายให้ได้ตกอกตกใจอีกต่างหาก...ปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ สตางค์ คอร์ป ยอมรับคราวนี้จีนเอาจริงเอาจริงเข้มข้น แม้จะกระเทือนบ้าง แต่สุดท้ายมองว่าตลาดคริปโทไม่มีวันตาย

การออกมาประกาศว่าเหรียญคริปโท/บิตคอยน์ ผิดกฎหมายสำหรับจีน จนทำให้เหรียญโดยเฉพาะบิตคอยน์ตกระนาวรอบนี้ถือว่าเจ็บหนัก และจะหนักกว่านี้ หรือมองว่าแค่จิ๊บๆ

ในมุมมองส่วนตัว ถ้าเราดูข่าวจะเห็นว่ามีข่าวที่ทางการจีนไม่ยอมรับเหรียญคริปโท บิตคอยน์ ออกมาเป็นระยะๆ ในลักษณะคือทางการจีนประกาศแบน ถ้าย้อนกลับไปปี 2013 ก็มีข่าวแบบนี้ออกมาเหมือนกัน และปี 2017 ก็มีแบบนี้ ทุกคนก็ตื่นตระหนกกับข่าวนี้อยู่ตลอดเวลา

ช่วงที่ผ่านมาเวลามีข่าวเกี่ยวกับเหรียญทุกคนก็ฮือฮา อย่างเมื่อคราว อีลอน มัสก์ พูดนั่นนี่ ก็ฮือฮากันพักหนึ่ง แต่แต่ตอนหลังๆ พอคนมาพูดโยเฉพาะเหรียญ บิตคอยน์ คนก็จะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่แล้ว แต่ว่าถ้าเป็นข่าวมาจากจีนเมื่อไหร่ปรากฏว่ายังมีผลอยู่ และแต่ละครั้งที่จีนออกมามันจะมีความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ หมายความว่าแต่ก่อนการประกาศของจีนเป็นประกาศในลักษณะแบนก็จริง แต่พอการใช้งานระดับปฏิบัติจริงๆ คือยังไม่ได้เข้มงวดมากนัก

แต่ครั้งล่าสุดนี้ ที่จีนประกาศออกมา มันกลายเป็นว่าจีนมีการเอาจริงจังมากขึ้น เหมือนว่าไม่ได้หย่อนยานเหมือนครั้งก่อนๆ มันก็เลยทำให้ทุกคนมองว่าตอนนี้ ทางการจีนเอาจริงแล้ว ไม่ใช่เหมือนแค่ประกาศในกระดาษเฉยๆ แต่เป็นการใช้บังคับกฎหมายจริงๆ ซึ่งถึงแม้ว่าโดยเนื้อข่าวจะเหมือนเดิม แต่การบังคับใช้มันแตกต่างไป


ภาคปฏิบัติกวาดล้าง เข้มข้นขึ้น

ใช่ เข้มขึ้นเยอะเลย


เป็นแบบนี้แล้ว มองแนวโน้มตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไร

จริงๆ ต้องมองเห็นภาพอย่างนี้ก่อน ด้วยการปกครองของจีนเอง ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อยู่แล้ว คือเขาต้องการคุมทุกอย่างอยู่แล้ว ส่วนตัวมองลงไปถึงเรื่องการเงินด้วย ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของที่เราเห็นกันมาอยู่แล้วอย่างอาลีบาบา มันก็เลยทำให้การที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมแล้วก็ปฏิบัติจริงมากขึ้น

ในส่วนคริปโทเคอร์เรนซี จริงๆ ในช่วงต้นปีก็เหมือนมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นแล้ว ณ ช่วงเวลานั้นที่จีนจะแบนบิตคอยน์อยู่ และให้ระยะเวลาหนึ่ง นักลงทุนจีนรวมไปถึงคนขุดเหมืองบิตคอยน์ที่จีน พากันย้ายไปขุดที่อื่น อย่างแคนาดา หรือย้ายไปขุดฝั่งยุโรปหรืออเมริกาเป็นหลัก อย่างที่เราเห็นข่าวกัน

แต่พอมาตอนนี้กลายเป็นว่า เขาแบนแม้กระทั่งการที่ไม่ให้มีการซื้อขายบิตคอยน์ในตลาดจีนด้วย มันจะครอบคลุมไปในหลายๆ ส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น ไม่ใช่แค่คุมแต่ในส่วนของการขุดเหมือง


แบบนี้เราจะเห็นบิตคอยน์ลงไปได้อีกหรือไม่

จริงๆ ราคาที่ลงมานี้เป็นราคาที่ตอบรับกับข่าวร้ายไปแล้ว เพียงแต่ว่าราคาไม่ได้ลงไปเยอะมาก และมันมีฐานของมันอยู่ ซึ่งปัจจุบันที่คนคาดว่ามาตรฐานของบิตคอยน์จะอยู่ที่ 3.7-3.8 หมื่นดอลลาร์ คือถ้าจะลง ก็จะลงไปประมาณนี้ ไม่น่าจะหลุด และรีบาวด์ขึ้นไปตรงราคาที่ทุกคนคาดการณ์มา

ผมมองว่าถึงแม้ว่าทางการจีนจะออกมาแบน แต่สุดท้ายมันไม่สามารถจะแบนได้ เหมือนอินเทอร์เน็ต ที่ทางการจีนบอกว่าแบนกูเกิล เฟซบุ๊กในจีนนะ แต่สุดท้ายมันจะมีวิธีการให้คนจีนเข้าไปใช้กูเกิล เฟซบุ๊กกันได้อยู่ดี เพียงแต่มันจะมีความยากลำบากมากขึ้นเฉยๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีของบิตคอยน์เองมันถูกออกแบบมา ในแบบที่ไม่ได้ให้ถูกแบนง่ายๆ ฉะนั้น ตราบเท่าที่มีอินเทอร์เน็ต จึงมองว่าการแบนบิตคอยน์แทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในเชิงการใช้งานจริง


ขณะเดียวกันหลายประเทศเริ่มที่จะยอมรับคริปโทเคอร์เรนซี ยอมรับบิตคอยน์

ใช่ครับ ส่วนตัวเห็นภาพหนึ่งก็คือ บางประเทศคือรายได้หลักของเขามาจากต่างประเทศเป็นหลัก ยกตัวอย่าง เอลซัลวาดอร์ รายได้ของเขามาจากต่างประเทศ คนของเขาไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วส่งเงินกลับประเทศ ฉะนั้นการที่เขาเก็บเงินดอลลาร์เยอะเกินไปมันจะเกิดเหตุการณ์ ประเทศของเขาเศรษฐกิจของเขาขึ้นอยู่กับเงินดอลลาร์เป็นหลัก ตรงนี้เขาเองก็ไม่อยากให้ประเทศเขาขึ้นกับเงินดอลลาร์อย่างเดียว มันก็เลยทำให้ยอมรับ บิตคอยน์ เพื่อการบริหารความเสี่ยงในสภาพเศรษฐกิจหรือโครงสร้างทางการเงินของประเทศเขาในระดับหนึ่งด้วย มันก็เลยจะทำให้หนึ่งก็คือเราเห็นประเทศเล็กๆ ที่เหมือนกับว่าโครงสร้างทางการเงินยังไม่แข็งแรงมากนัก จะใช้ บิตคอยน์ เป็นอีกทางหนึ่งที่จะกระจายความเสี่ยงของเขา


คิดว่าจะมีประเทศอื่นๆ ตามเอลซัลวาดอร์อีกเยอะไหม

มีแน่นอน ทุกประเทศและประเทศที่จะใช้ตัวนี้ จะเป็นประเทศที่โดนแซงชั่นจากสหรัฐอเมริกา พวกนี้จะเป็นประเทศแรกๆ ที่ใช้ บิตคอยน์ ซึ่งบิตคอยน์เองมันสามารถที่จะทำให้ประเทศเขาที่โดนแซงชั่น ไม่สามารถทำธุรกรรมซื้อขายกับประเทศอื่นได้ แต่พอมาใช้บิตคอยน์ก็จะทำให้สามารถซื้อขายได้


คุณปรมินทร์จะแนะนำนักลงทุนที่อยู่ในตลาดคริปโทตอนนี้อย่างไร ถือเอาไว้ก่อน ไม่ต้องเร่งขายได้ไหม

ส่วนตัวก็มองอย่างนั้น ซึ่งมันมีความเสี่ยงอยู่แล้ว คือจะลงต่ำไปกว่า 3.8 หมื่นดอลลาร์ แล้วลงไปแตะที่ 3.2 หมื่นดอลลาร์ก็ได้ ไม่มีใครทราบอนาคต

ถ้าในมุมมองของคนที่เล่นระยะสั้น อาจจะต้องบริหารความเสี่ยงช่วงเวลานี้ให้ดี เพียงแต่ว่าถ้าคนที่เล่นระยะยาว อีก 5 เดือนหรืออีก 1 ปีมาดูกันว่าเป็นอย่างไร ส่วนตัวไม่ได้แนะนำว่าจะต้องตื่นตกใจขายอะไรขนาดนั้น


พูดถึงโทเคน เหรียญในตลาด ตอนนี้มีหลายบริษัทออกเหรียญกันออกมา นักลงทุนควรเข้าไปลงทุนกันหรือไม่ อย่างเช่น สิริฮับ

เราควรไปทดลองอ่านเอกสารที่ออกมาสำหรับเหรียญที่ออกมาว่าคืออะไร

สำหรับ สิริฮับ จะเห็นว่าเหรียญตัวนี้จะแตกต่างจากเหรียญประเภทอื่นตรงที่ว่า รูปแบบของการมันมีความจำกัด ถ้าลงไปดูในรายละเอียดมันถูกจำกัดไว้ในเรื่องการขึ้นลงของราคาว่าจะบวกได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ มันจะไม่เหมือนกับบิตคอยน์ ที่วันหนึ่งจะบวก 10% หรือ 50% ก็ไม่เป็นไร

คือเหรียญสิริฮับ ใช้เทคโนโลยีบ็อกซ์เชนเหมือนกัน เพียงแต่ว่ารายละเอียดของเหรียญมันไม่เหมือนกันเลย และตัวนี้ค่อนข้างกลับกันเราในฐานะนักลงทุนก็เหมือนจะไปดูว่าจะได้ผลกำไรจากการลงทุนมากน้อยแค่ไหนในช่วงระยะเวลาเท่าไหร่ ตรงนี้ทางสิริฮับมีการจำกัดในส่วนของ อัพไซด์เกน ที่จะได้อยู่แล้ว ซึ่งมันจะแตกต่างจากเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีอื่นโดยเฉพาะบิตคอยน์

5 views
bottom of page