บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ประเมินหุ้นกลุ่มแบงก์กำไรหด
“เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงอ่อนแอแม้ว่าบางธุรกิจจะกลับมาเปิดดำเนินการแล้ว ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ามูลค่าของเงินให้สินเชื่อรอการตัดบัญชีอยู่ที่ระดับ 6.8 ล้านล้านบาทในกลางเดือนมิถุนายน คิดเป็น 35% ของสินเชื่อรวมของระบบ แม้จะมองว่ามีความเสี่ยงต่ำในประเด็นเพิ่มทุน แต่แนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ที่เลื่อนออกไปจะนำไปสู่การลดทุนและมูลค่าทางบัญชี
หุ้นปลอดภัยของเรายังคงเป็น BBL และ TISCO เนื่องจากมีบัฟเฟอร์ที่แข็งแกร่งทนทานต่อการเสื่อมคุณภาพของสินทรัพย์ดีกว่าคู่แข่ง ขณะที่แนะนำ ขาย KBANK เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอจากการหดตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมและต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นจาก SMEs”
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งคาดว่าธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราศึกษาจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ที่ 2.62 หมื่นล้านบาท ลดลง 36% YoY และ 29% QoQ เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น การลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและ NIM ที่ลดลง สินเชื่อจะเติบโต YoY เนื่องจากการชำระคืนหนี้ที่ลดลง คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะหดตัวจากการขายกองทุนรวมและ Bancassurance ที่อ่อนแอ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ การตั้งสำรองของทั้งกลุ่มคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 39% YoY เป็น 3.86 หมื่นล้านบาทในไตรรมาส 2/2563 เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ด้อยลงในทุกกลุ่ม
แม้ว่าธนาคารขนาดใหญ่จะสามารถลดต้นทุนทางการเงินได้จากค่าธรรมเนียมกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ลดลงและดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง คาดว่า NIM จะลดลง QoQ ในไตรมาส 2/2563 ถึงสิ้นปี อันเป็นผลจากการลดดอกเบี้ยหลายครั้ง การเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อรอการตัดบัญชีจะนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงเหลือ 50bps จาก 125bps ณ สิ้นปี 2562
KBANK ระบุมูลค่าสินเชื่อภายใต้สัญญาพักชำระหนี้อยู่ที่ 8.28 แสนล้านบาท หรือ 40% ของสินเชื่อรวม เทียบกับ SCB และ KKP ที่ 35%, KTB 20% และ TISCO 10% ขณะที่ BBL และ TMB ไม่เปิดเผยตัวเลข จากข้อมูลเหล่านี้ เราเชื่อว่าอัตราส่วน NPL ปัจจุบันและต้นทุนสินเชื่อไม่สะท้อนผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากธนาคารสามารถเลื่อนการปรับลดการจัดชั้นของสินเชื่อในช่วงปี 2563-2564 เนื่องจากมาตรการบรรเทาหนี้
นอกจากนี้ ธนาคารอาจบันทึกกำไรเกินจริงเนื่องจากสามารถบันทึกรายได้ดอกเบี้ยตามเกณฑ์คงค้างจากสินเชื่อที่ยังไม่ได้ชำระได้ เรามองว่าการที่ ธปท.สั่งระงับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและซื้อคืนหุ้นเนื่องจากไม่ต้องการให้ธนาคารจ่ายเงินปันผลจากผลกำไรที่สูงเกินจริง”
Comentários