top of page
369286.jpg

PYLON เชื่อรายได้นิวไฮโต 15% เมกะโปรเจกต์ภาครัฐหนุนกอด Backlog แน่นกว่า 1,120.40 ลบ. พร้อมลุยประมูลง


PYLON เผยปีนี้ผลงานเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ถือเป็นปีทองของบริษัท คาดรายได้นิวไฮแตะ 1,600 ลบ. เติบโต 15% จากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากขยายตัว ได้ปัจจัยในประเทศหนุน จากการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน พร้อมลุยประมูลงานเพิ่ม ล่าสุดกอด Backlog กว่า 1,120.40 ลบ. และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2562 จากโครงการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมงานฐานรากปี 2562 ถือเป็นช่วงขาขึ้น จากแรงขับเคลื่อนสำคัญงานรถไฟฟ้า อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2.5 แสนล้านบาท และงานขยายสนามบินอู่ตะเภา ทางด่วนและรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ โดยจะทยอยเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้งานเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use), คอนโดมิเนียม ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากเป็นอย่างมาก

แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% จากปี 2561 เนื่องจากภาพรวมการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางต่างๆ รวมถึงการลงทุนในส่วนของภาคเอกชน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าไปรับงานของบริษัทในปีนี้เพิ่ม นอกเหนือจาก Backlog ที่รอส่งมอบอีกเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง

“ปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่กว่า 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานประมาณ 20% อีกทั้งยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ราว 1,120.40 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาคเอกชน 60% และภาครัฐ 40% คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมดคาดว่ารายได้ปีนี้จะนิวไฮทุบสถิติใหม่จากงานฐานรากเข้ามาต่อเนื่อง” ดร.ชเนศวร์ กล่าว

ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนราว 150 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการลงทุนเพิ่ม โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 25 ชุด และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 90% ซึ่งเพียงพอต่อการรับงานต่างๆ

อย่างไรก็ดี จากแนวโน้ม Transportation Action Plan 2562 ยังคงเป็นยุคทองของโครงการขนส่งมวลชนภาครัฐไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งธุรกิจเสาเข็มและฐานรากเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน คาดว่าโครงการภาครัฐ เช่น ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง , รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงใต้ และโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก คาดว่าจะสามารถออก TOR และเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ ในแง่ประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน บริษัทถือเป็นประเด็นบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เพราะจะช่วยทำให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศ และสนับสนุนให้การรับงานประเภทฐานรากของบริษัทขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2561 มีกำไรสุทธิ 217.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 116.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.08% มีรายได้จากการให้บริการ 1,436.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 721.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100.75%

4 views
bottom of page