top of page
327304.jpg

NER เข้าซื้อขาย SET วันแรก เดินหน้าขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัว ภายในปี 2563


บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ “NER” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ย้ำนำเงินไปซื้อเครื่องจักรและสร้างโรงงานใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ายางพาราแปรรูปอีกเท่าตัวภายในปี 2563 ส่วนราคายางผันผวน บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงได้ เนื่องจาก NER ใช้นโยบาย matching ออเดอร์ ด้านที่ปรึกษามั่นใจราคาหุ้นสะท้อนธุรกิจและผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของคณะกรรมการ คณะผู้บริหารและทีมงานของบริษัทที่ต้องการระดมทุนเพื่อการขยายธุรกิจและสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากลให้เป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

การระดมทุนครั้งนี้ NER จะนำไปปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber)ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60,000 ตันต่อปีซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ซึ่งหากโรงงานใหม่แล้วเสร็จ จะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 465,600 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 232,800 ต่อปี ส่วนเงินระดมทุนส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับการแข่งขันด้านราคายางนั้น เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการกำหนดราคาขายแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือการขายแบบครั้งเดียว(Spot) และการขายแบบมีสัญญาระยะยาว (Long term contract) ซึ่งบริษัทใช้วิธีการ matching ออเดอร์ และกำหนดราคาขายสินค้าด้วยวิธีต้นทุนบวกด้วยกำไร (Cost plus margin) ประกอบกับการพิจารณาราคาตลาดของสินค้าในขณะนั้น โดยสินค้าของบริษัทมีคุณภาพตามมาตรฐาน นอกจากนี้บริษัทยังมีการจัดทำสัญญากับลูกค้าทุกรายที่มีการซื้อขายกัน โดยจะจัดทำสัญญาเมื่อมีการตกลงซื้อขายกันสำเร็จ

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 มีรายได้ 9,819.70 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ224.12 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,976.51 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.19%

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือAPM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NER ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจกว่า 12 ปี ปัจจุบันมียอดขายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 และต่างประเทศร้อยละ 40 สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตตลอดจนหาลูกค้าใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะช่วยให้ NER มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว

7 views
bottom of page