16 ตุลาคม 2561 – หลังจากดำเนินการมา 27 ปี สัญญาสัมปทานของดีแทคได้สิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ก่อนที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลงนั้น ดีแทคได้จัดหาคลื่นความถี่ให้เพียงพอต่อการให้บริการ และยังสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานภายใต้สัญญาสัมปทานที่ทำกับ CAT เพื่อให้บริการการสื่อสารไร้สายแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ดีแทคยังมีโอกาสที่จะมีคลื่นความถี่เพิ่มเติมจากการประมูลความถี่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมเพื่อเสริมสร้างพอร์ทความถี่ที่ให้บริการ และโครงข่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 จำนวนฐานลูกค้ารวมอยู่ที่ 21.3 ล้านราย ประมาณ 99%ของจำนวนนี้ได้ลงทะเบียนภายใต้ดีแทค ไตรเน็ต (DTN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีแทคที่ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz จาก กสทช. การเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย ‘dtac-T Turbo’ (ดีแทคเทอร์โบ) ก็เดินหน้าได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ โดยมีจำนวนสถานีฐานที่ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้วเกือบ 6,000 สถานีฐาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2561 นอกเหนือจากนั้น ดีแทคยังได้พัฒนาโครงข่าย 2100 MHz อย่างต่อเนื่องทั้งในการเพิ่มพื้นที่การครอบคลุมสัญญาณ และความจุของโครงข่าย ซึ่งโครงข่ายโดยรวมของดีแทคครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ ดีแทคยังให้บริการแก่ลูกค้าด้วยความจริงใจ และซื่อสัตย์ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน และได้มีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างเข้มข้นก่อนที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 รายได้จากการให้บริการหลัก (รายได้จากบริการเสียงและข้อมูล) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC สำหรับช่วงสามไตรมาสปีนี้ลดลง 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ (IDD) และรายได้จากบริการอื่นๆ ถึงแม้ว่าดีแทคเริ่มชำระเงินให้กับ TOT ภายใต้สัญญาการให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ได้ทำลงนามกันตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2561 แต่ EBITDA margin สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2561 ยังคงสูงอยู่ที่ 41.5%ของรายได้รวมทั้งหมด ถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายจำนวนนี้ EBITDA margin สำหรับช่วงสามไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 45.0%
กำไรสุทธิสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 อยู่ที่ 572 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการลงทุนในการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง และจากค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวนประมาณ 1,400 ล้านบาท จากการตกลงยุติข้อพิพาทการเป็นเจ้าของเสาสัญญาณกับทาง CAT ก่อนที่สัมปทานจะสิ้นสุดลง นอกจากนี้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA – CAPEX) สำหรับช่วง 9 เดือนแรกนี้ยังคงแข็งแกร่งที่ 11,600 ล้านบาท และอัตราส่วนทางการเงินต่างๆยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 0.7 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.8 เท่า ดีแทคมีเงินสด ณ สิ้นสุดไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท
ดีแทคได้ปรับการประมาณการผลประกอบการสำหรับปี 2561 โดยปรับลดรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC ลงในระดับตัวเลขหลักเดียวช่วงต่ำ (low single digit decline), EBITDA margin อยู่ในช่วง 36%-38%, และ CAPEX อยู่ในช่วง 18,000 – 20,000ล้านบาท
อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เรามีการเตรียมการในช่วงสิ้นสุดสัมปทานไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าของเราจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือ การเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย 2300 MHz และการโอนย้ายลูกค้าที่เหลือมาใช้บริการบนโครงข่าย DTN ด้วยโอกาสในการครอบครองช่วงคลื่นความถี่ต่ำเพิ่มขึ้นเพื่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพอร์ทคลื่นความถี่ที่ให้บริการ ดีแทคจะอยู่ในตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้นในการแข่งขัน และก้าวทันการเติบโตของตลาดได้”
ดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงินของดีแทค กล่าวว่า “แม้ว่าเราได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อเร่งการเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่ายความถี่ 2300 MHz กระแสเงินสดจากการดำเนินการของเรายังคงแข็งแกร่ง รายได้จากการให้บริการยังถูกกดดันชั่วคราวจนถึงปลายไตรมาสที่สาม เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการหมดอายุสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม เราบริหารจัดการรักษา EBITDA margin ให้อยู่ในระดับเหนือกว่า 40% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ฐานะทางการเงินของเราอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และยืดหยุ่นต่อการลงทุนในอนาคต”
dtac’s 9-month EBITDA margin reaches 41.5%
16 October 2018 – After 27 years of operation, dtac’s concession came to an end on 15 September 2018. Prior to the expiry of the concession, dtac secured adequate spectrum and access to infrastructure under concession from CAT for use in providing wireless service to ensure continuity of services for its customers. In addition, dtac has an opportunity to acquire additional spectrum at an auction in late October to strengthen its spectrum portfolio and network position.
At the end of September 2018, total subscriber base stood at 21.3 million, approximately 99% of which registered under DTN, a subsidiary holding the 2.1GHz license from NBTC. Expansion of the ‘dtac-T Turbo’ network was well ahead of target, with nearly 6 thousand base stations installed by the end of the third quarter. Furthermore, 2100MHz network densification has been ongoing to add more coverage and capacity. Overall network coverage stood at 94% of total population. dtac has treated customers with honesty and integrity during the transition period and proactively communicated with them ahead of the concession end date.
Core service revenues (defined by revenue from voice and data services) increased slightly by 0.3% YoY for the first 9 months of 2018. However, service revenues excluding IC for the same period declined 1.7% YoY, mainly driven by lower IDD and other service revenues. Despite the payment to TOT for the 2300MHz wireless service partnership, which commenced in the second quarter, EBITDA margin for the first 9 months of 2018 remained high at 41.5% of total revenues. Excluding such payment, EBITDA margin for the same period would have been 45.0%.
Net profit for the first 9 months of 2018 amounted to THB572 million due to higher depreciation and amortization expenses from continued investment in network and one-time non-cash charge of THB1.4 billion after the settlement of tower ownership dispute with CAT prior to the concession expiry. Furthermore, operating cash flow (EBITDA – CAPEX) for 9-month period remained strong at THB11.6 billion and financial ratios are solid, with net debt to EBITDA of 0.7x and net debt to equity of 2.8x. Cash on hand at the end of Q3-18 amounted to THB26.0 billion.
dtac revises the financial guidance for 2018, comprising low single digit decline in service revenues (excluding IC), EBITDA margin in the range of 36% - 38%, and CAPEX of THB18 – 20 billion.
Alexandra Reich, dtac’s Chief Executive Officer, said “We have been well prepared for our end of concession in order to ensure that our customers are well taken care of. Our immediate objectives are the 2300MHz network rollout and migration of the remaining customers to DTN. With an opportunity to acquire additional low band spectrum to strengthen our spectrum portfolio, dtac will be in a better position to compete and capture market growth.”
Dilip Pal, dtac’s Chief Financial Officer, said “Despite heavy investment to accelerate the expansion of 2300MHz network, our operating cash flow remains solid. Service revenues was temporarily under pressure towards the end of the third quarter due to uncertainties surrounding concession expiry. However, we managed to keep EBITDA margin above 40% level for the first 9 months of the year. Our financial position is strong and flexible for future investment.”