ทริส ยังไม่ปรับอันดับเครดิต ไม่ฟันธง ว่าดีลการควบ/โอนหุ้นแบบสายฟ้าแลบระหว่าง RML กับ KPN จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไร ต้องรอดูผลการประชุมผู้ถือหุ้นตุลาคมนี้ให้เสร็จสิ้นลงก่อน มองเป็นเรื่องของปกติของธุรกิจ
ทริสเรทติ้ง ประกาศว่า ยังไม่พบผลกระทบที่จะมีต่ออันดับเครดิตของ บริษัท ไรมอน แลนด์ (RML)ในทันทีจากการที่ บริษัทจะลงทุนในสินทรัพย์ของ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ (KPN) ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมดและการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัทให้แก่บุคคลในวงจำกัด
ทั้งนี้ คณะกรรมการของบริษัทไรมอน แลนด์เพิ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้บริษัทเข้าลงทุนในสินทรัพย์ของ บริษัทเคพีเอ็น แลนด์ ซึ่งประกอบไปด้วย
1) การซื้อโครงการ Diplomat 39 และโครงการ Diplomat สาทร จากบริษัทเคพีเอ็น แลนด์
2) การลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัทเคพีเอ็น แลนด์โดยบริษัทเคพีเอ็น แลนด์ตกลงที่จะดำเนินการให้บริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโอนกิจการทั้งหมดของบริษัทย่อยดังกล่าวให้แก่บริษัทไรมอน แลนด์ส่วนการซื้อโครงการ Diplomat 39 และโครงการ Diplomat สาทร นั้นบริษัทไรมอน แลนด์ จะใช้เงินสดภายในบริษัทร่วมกับเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในขณะที่การลงทุนในบริษัทย่อยของบริษัทเคพีเอ็น แลนด์นั้น
บริษัทไรมอน แลนด์จะชำระค่าโอนกิจการด้วยเงินสดและหุ้นสามัญมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,574.60 ล้านบาทโดยจะจ่ายเป็นเงินสดจำนวน 500 ล้านบาทและจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บริษัทเคพีเอ็น แลนด์มูลค่า1,074.60 ล้านบาท (หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 597 ล้านหุ้นด้วยราคา 1.80 บาทต่อหุ้น)
“ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการซื้อโครงการ Diplomat39 และโครงการ Diplomatสาทร เป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การซื้อโครงการ Diplomat39 จะทำให้บริษัทไรมอน แลนด์รับรู้รายได้เพิ่มเติมจากยอดขายที่รอการส่งมอบของโครงการนี้จำนวน 1,400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามทริสเรทติ้งคาดว่าผลกำไรจากโครงการนี้จะมีสัดส่วนต่ำกว่ากำไรที่ได้จากโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง ทั้งนี้ ระดับหนี้ที่สูงขึ้นจากธุรกรรมดังกล่าวจะค่อยๆลดลงเมื่อบริษัทเริ่มส่งมอบพื้นที่โครงการตามยอดขายที่รอการรับรู้รายได้
สำหรับการลงทุนในบริษัทย่อยของบริษัทเคพีเอ็น แลนด์โดยกระบวนการรับโอนกิจการทั้งหมดนั้นหากประสบความสำเร็จ ก็จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ JS Asset Management Pte. Ltd.(JS Assets) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัทไรมอน แลนด์ลดลงมาอยู่ที่ 21% จาก 25% แต่ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนสูงสุดเช่นเดิมส่วนบริษัทเคพีเอ็น แลนด์ ก็จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทไรมอน แลนด์ในสัดส่วน 14.31% และจะได้รับสิทธิ์การเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทจำนวน 2 ที่นั่ง
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่และคณะกรรมการบริหาร โครงสร้างองค์กรของบริษัทไรมอน แลนด์ จึงอาจจะแตกต่างไปจากปัจจุบัน
ดังนั้น ทริสเรทติ้งจะประเมินสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทอย่างละเอียดอีกครั้งหลังธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นลง”
ทั้งนี้ ทริส ระบุว่า ความสำเร็จของธุรกรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของบริษัทไรมอน แลนด์ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 11 ตุลาคม2561 นี้ ดังนั้น ธุรกรรมดังกล่าวยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะบรรลุตามแผนหรือไม่ โดยทริสเรทติ้งจะติดตามความคืบหน้าของการทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป