top of page
image.png

ต่ำกว่า 1,730 จุด มองไปที่ 1,650 จุดเลย


พักต่อ !

Momentum การแกว่งตัวขึ้นที่ชะลอตัวลงของตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น ได้รับการยืนยันชัดเจนจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี VIX US ของสหรัฐ ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางสถิติในเชิงตรงกันข้าม หรือ Negative Correlation กับทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น 13.0% WoW มาอยู่ที่ 14.9 (YTD +35.3%) โดยปัจจุบัน VIX US กลับมาเคลื่อนไหวสูงกว่า SMA 25 วัน (14.4) แล้ว ในทิศทางเดียวกับกับดัชนี VIX EU ที่ปรับตัวขึ้น 21.8% WoW มาอยู่ที่ 18.3 (YTD +35.7%) โดยปัจจุบัน VIX EU อยู่ สูงกว่า SMA 25 วัน (14.3) และดัชนี VIX HK ที่ปรับตัวขึ้น 8.8% WoW มาอยู่ที่ 20.4 (YTD +37.3%) โดยปัจจุบัน VIX HK กลับมาเคลื่อนไหวสูงกว่า SMA 25 วัน (18.0) แล้ว

ความผันผวนดังกล่าว ส่งผลให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี MSCI ACWI ของตลาดหุ้นโลกเปลี่ยนแปลง -1.17% WoW โดยที่เมื่อพิจารณาดูในรายละเอียดจะพบว่ามีการปรับตัวลงทุกภูมิภาค นำมาโดยตลาดหุ้นสหรัฐที่ดัชนี S&P 500 เปลี่ยนแปลง -1.1% WoW ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx 600 เปลี่ยนแปลง -1.8% WoW , ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี TOPIX เปลี่ยนแปลง -3.4% WoW , ตลาดหุ้นเอเชีย ดัชนี Asia ex-Japan เปลี่ยนแปลง -1.3% WoW , ตลาดหุ้นจีน ดัชนี CSI300 เปลี่ยนแปลง -3.4% WoW และตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET เปลี่ยนแปลง -1.3% WoW

การปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาของตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างๆข้างต้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นต่างๆตั้งแต่ต้นปี 2561ปรับตัวลงไปติดลบแล้ว สะท้อนว่านักลงทุนในตลาดหุ้นโลกเริ่มที่จะยอมขายขาดทุน หรือ Cut Loss แล้ว โดยยังคงมีเพียงตลาดหุ้นสหรัฐเท่านั้นที่ยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกราว 1.9%

อย่างไรก็ดีโอกาสที่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2561 จะกลับมาติดลบเหมือนภูมิภาคอื่นๆ ก็ยังคงมีอยู่ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งจัดทำโดยสมาคมนักลงทุนรายย่อยแห่งสหรัฐฯ AAII พบว่า 35.0% เชื่อว่าตลาดหุ้นจะ Bullish ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยลดลงจากสัปดาห์ก่อน 3.5% WoW ขณะที่ 26.4% มองว่ามีแนวโน้มเป็น Bearish โดยเพิ่มขึ้น 1.2% WoW ขณะที่ในทางเทคนิคตราบใดที่ดัชนี SET ยังคงไม่สามารถกลับไปยืนปิดเหนือบริเวณ EMA 200 วันที่ 1,730 จุดได้ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังคงเป็นการพักตัวลง โดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 1,650 จุด

ปัจจัยลบมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวก : แม้ว่าข้อมูลในเชิงของผลตอบแทนที่คาดหวัง เมื่อพิจารณาจากระดับ Potential Upside ของแต่ละ Asset Class จะพบว่าตลาดหุ้นยังคงเป็น Asset Class ที่มีความน่าสนใจที่สุด โดยที่ตลาดหุ้นจีนมี Potential Upside ราว 22% ตามมาด้วยตลาดหุ้นญี่ปุ่น และสหรัฐที่ 16% และ 13% ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย และไทยมี Potential Upside ราว 21% และ 14% ตามลำดับ นอกจากนี้มุมมองต่อตลาดหุ้นโลกที่ดีขึ้นยังคงสะท้อนออกมาจาก การปรับประมาณการราคาเหมาะสม หรือ Target Reversion ในแต่ละ Asset class โดย Bloomberg Consensus ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นทุกในทุกภูมิภาคได้รับการปรับประมาณการราคาเหมาะสมขึ้นทั้งหมด โดยที่ตลาดหุ้นจีนมีการปรับเป้าหมายขึ้นมากที่สุด 1.4% ตามมาด้วยตลาดหุ้นญี่ปุ่น 0.5%, ตลาดหุ้นยุโรป 0.4% และตลาดหุ้นสหรัฐฯ 0.2% ส่วนตลาดหุ้นไทยมีการปรับประมาณการขึ้น 0.4%

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจาณาจากปัจจัยในเชิงฤดูกาล หรือ Seasonality ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการพักตัวลงในระยะสั้นของตลาดหุ้นโลกมีความชัดเจนขึ้นอีก เนื่องจากสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2551-2560) พบว่าดัชนี MSCI World ตลาดหุ้นโลก, ดัชนี S&P500 ของสหรัฐ, ดัชนี MSCI Europe ของยุโรป และดัชนี MSCI Asia ex Japan ตลาดหุ้นเอเชีย ในเดือน มิ.ย. ปรับตัวลงเฉลี่ย 1.4%, 1.3%, 2.9% และ 1.7% ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 30%, 50%, 10% และ 50% ตามลำดับ

ทั้งนี้ แม้ว่าดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยจะมีสถิติที่ดีกว่าคือปรับตัวขึ้นสวนทางเฉลี่ย 0.6% ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 70% แต่ไม่ได้ทำให้ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทยดูดีในสายตาของ “นายหมูบิน” โดยเฉพาะเมื่อปัจจัยที่น่าสนใจกว่าของตลาดหุ้นไทยคงอยู่ที่การเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจากสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2551-2560) พบว่าในเดือน มิ.ย. นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายสุทธิราว 100,000 ล้านบาท ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 30% เท่านั้น

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดเหนือ 1,750 (+/-5) จุดอีกครั้ง เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

21 views
bottom of page